วิธีทำ SEO สำหรับมือใหม่: เริ่มต้นให้ติดอันดับใน Google

ทำไมเว็บไซต์ของคุณถึงไม่ติดอันดับใน Google? ถ้าคุณรู้สึกท้อแท้ทุกครั้งที่เว็บไซต์ถูกมองข้าม คุณไม่ได้อยู่คนเดียว—หลายคนที่เริ่มต้นทำ SEO ก็เจอสถานการณ์นี้เหมือนกัน
ในยุคที่การแข่งขันทางออนไลน์สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การเข้าใจว่า SEO คืออะไรและทำงานอย่างไรจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก วันนี้เราจะมาเจาะลึกวิธีทำ SEO สำหรับมือใหม่ โดยจะพาคุณไปสู่การเริ่มต้นที่ถูกต้องและได้ผลดี
ถ้าพร้อมแล้ว ไปอ่านกันได้เลยครับ!
ทำไม SEO ถึงสำคัญ?

หลายคนอาจสงสัยว่า SEO นั้นสำคัญอย่างไร? คำตอบคือ SEO ไม่ใช่แค่การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าใหม่และสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดได้อย่างตรงจุด
ในบทความนี้ เราจะพูดถึง 3 ประเด็นสำคัญที่ทำให้ SEO มีความสำคัญต่อธุรกิจของคุณ เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า SEO จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเติบโตได้อย่างไร
1. SEO ช่วยเพิ่มการเข้าถึงเว็บไซต์
SEO ทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในหน้าผลการค้นหาของ Google ซึ่งมีผู้ใช้งานมากมายที่ค้นหาสินค้าและบริการที่คุณมีเสนอ
โดยการปรับปรุง SEO ให้ดีขึ้น คุณจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณ และเพิ่มโอกาสในการขายได้อย่างมาก
ยกตัวอย่างเช่น ร้านค้าออนไลน์ที่ทำ SEO ได้ผลดีสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้ถึง 250% ในระยะเวลาเพียง 3 เดือน (ข้อมูลจาก HubSpot 2025)
- การใช้คำค้นหาที่เหมาะสม
- การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า
- การใช้ลิงก์เชื่อมโยงที่มีคุณภาพ
2. ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจ
เมื่อเว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหา ผู้ใช้งานจะมองว่าธุรกิจของคุณมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
SEO ไม่ได้แค่สร้างอันดับ แต่ยังสร้างแบรนด์และภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจของคุณ
กรณีศึกษาเช่น คุณปอนด์จากใบชาริมทางที่ปรับปรุงเว็บไซต์และทำ SEO เบื้องต้น ทำให้ลูกค้าใหม่เข้าถึงได้มากขึ้น และเพิ่มอัตราการกลับมาซื้อซ้ำถึง 40% ในเวลาเพียง 2 เดือน
“SEO ทำให้เราเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ และสร้างความผูกพันกับลูกค้าเก่าได้มากขึ้น”
3. เป็นกลยุทธ์การตลาดที่คุ้มค่า
SEO เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการโฆษณาแบบดั้งเดิม
การทำ SEO จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานที่มีความต้องการจริง ๆ และสร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง
คุณธีร์จากคราฟท์ แอนด์ โค เริ่มต้นทำ SEO โดยการผลิตบทความเกี่ยวกับสินค้าของเขา ส่งผลให้จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น 250% และยอดขายเพิ่มขึ้น 30% ในเวลา 3 เดือน
- SEO ช่วยประหยัดค่าโฆษณาในระยะยาว
- ช่วยสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคง
- เพิ่มโอกาสในการขายอย่างต่อเนื่อง
ในท้ายที่สุด ต้องยอมรับว่า SEO เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัล หากคุณยังไม่ได้เริ่มทำ SEO ตอนนี้คือเวลาที่ดีที่สุดในการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน
พื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนเริ่ม

คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมเว็บไซต์ของคุณถึงไม่ติดอันดับใน Google? ปัญหานี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย แต่เรามีพื้นฐานที่สำคัญที่คุณควรรู้ก่อนเริ่มทำ SEO
ในบทความนี้ เราจะพูดถึง 3 ประเด็นหลักที่คุณต้องเข้าใจเกี่ยวกับ SEO เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณให้ติดอันดับในหน้าแรกของ Google
1. เข้าใจว่า SEO คืออะไร
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับสูงในผลการค้นหาของ Google และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ การทำ SEO รวมถึงการปรับปรุงเนื้อหา โครงสร้างเว็บไซต์ และการสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพ
การทำความเข้าใจ SEO เป็นเหมือนการเรียนรู้การปลูกต้นไม้ที่ต้องการการดูแลและใส่ใจอย่างต่อเนื่อง หากคุณไม่ใส่ใจดูแล มันก็จะไม่เติบโต
“SEO คือการทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่นิยมในโลกออนไลน์”
2. รู้จักประเภทต่างๆ ของ SEO
SEO มีหลายประเภท ได้แก่:
- On-page SEO: การปรับแต่งเนื้อหาภายในเว็บไซต์เพื่อให้เหมาะสมกับคีย์เวิร์ดที่ต้องการ
- Off-page SEO: การสร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่นๆ มายังเว็บไซต์ของคุณเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
- Technical SEO: การปรับปรุงด้านเทคนิคของเว็บไซต์ เช่น ความเร็วในการโหลดและโครงสร้าง URL
การรู้จักประเภทต่างๆ ของ SEO จะช่วยให้คุณมีมุมมองที่กว้างขึ้นในการวางแผนกลยุทธ์ SEO ให้ตรงจุด
3. ตั้งเป้าหมาย SEO ที่ชัดเจน
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้คุณสามารถวัดผลลัพธ์ได้ง่ายขึ้น เช่น การตั้งเป้าว่า “ต้องการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 30% ใน 3 เดือน” หรือ “ต้องการให้เว็บไซต์อยู่ในอันดับที่ 1 ของคีย์เวิร์ดหลัก”
เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจในการทำ SEO และติดตามความก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
และนี่คือพื้นฐานที่คุณต้องรู้ก่อนเริ่มทำ SEO อย่างจริงจัง หากคุณต้องการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลองดู บริการปรับปรุงเว็บไซต์ และ ดูรายละเอียดบริการเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ.
เจาะลึกฟีเจอร์/เทคนิคสำคัญ

ในการทำ SEO สำหรับมือใหม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเข้าใจฟีเจอร์และเทคนิคที่สามารถนำมาช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับใน Google ได้อย่างตรงจุด วันนี้เราจะมาเจาะลึก 3 เทคนิคลับที่ไม่ควรมองข้าม!
1. การใช้ Keyword Research
การทำ Keyword Research คือการค้นหาคำค้นหาที่ผู้ใช้งานใช้บ่อยที่สุด ซึ่งช่วยให้เรารู้ว่าควรเน้นเนื้อหาในทิศทางไหน ปัญหาที่เกิดขึ้นคือหลายคนมักจะใช้คำค้นที่ไม่ตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ วิธีแก้คือใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner หรือ Ubersuggest เพื่อค้นหาคำที่มีปริมาณการค้นหาสูงและการแข่งขันต่ำ
ตัวอย่างเช่น หากคุณขายรองเท้า ถ้าใช้คำว่า "รองเท้ากีฬา" แทน "รองเท้า" อาจช่วยให้ลูกค้าเป้าหมายเข้าถึงเว็บไซต์คุณได้มากขึ้น
2. การปรับแต่ง On-Page SEO
การปรับแต่ง On-Page SEO เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงการใช้ Meta Tags, Header Tags และการจัดระเบียบเนื้อหาให้เหมาะสม ปัญหาที่พบบ่อยคือการไม่ใส่คำหลักในตำแหน่งที่เหมาะสม วิธีแก้คือให้แน่ใจว่าคุณได้ใช้คำหลักใน Title, Meta Description และ H1 Tags
ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ที่มีการใช้ Title Tag ว่า "ซื้อรองเท้ากีฬาคุณภาพดี" จะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ดีขึ้นและยังทำให้ผู้ใช้มีความสนใจมากขึ้น
3. การสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ
Backlink คือการที่เว็บไซต์อื่นๆ ลิงก์มายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและอันดับในผลการค้นหาของ Google ปัญหาที่พบคือการมี Backlink ที่ไม่เกี่ยวข้องหรือต่ำคุณภาพ วิธีแก้คือมุ่งเน้นการสร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องและมีอำนาจสูง
ตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับกีฬา การสร้าง Backlink จากเว็บไซต์ข่าวกีฬา หรือบล็อกที่มีชื่อเสียง จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์เราแนะนำให้ลอง บริการปรับปรุงเว็บไซต์ หรือ ดูรายละเอียดบริการเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับสูงในผลการค้นหา!
ตัวอย่างจริง: ความสำเร็จที่จับต้องได้

เมื่อพูดถึงการทำ SEO หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องซับซ้อนและต้องใช้เวลา แต่ความจริงแล้ว มีหลายกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จับต้องได้จากการทำ SEO อย่างจริงจัง วันนี้เราจะมาเจาะลึกกรณีศึกษาจากธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการทำ SEO ที่ช่วยเพิ่มยอดขายและการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงจุด
1. กรณีศึกษาจากคุณปอนด์ - ใบชาริมทาง
คุณปอนด์เจ้าของร้านใบชาริมทางที่บางนา เผชิญปัญหาคือมีลูกค้าไม่กลับมาซื้อซ้ำ คิดหาวิธีที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันมากขึ้น เขาจึงตัดสินใจปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีเนื้อหาที่มีคุณค่าและตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย พร้อมกับเริ่มทำ SEO เบื้องต้นเพื่อเพิ่มการค้นหา
หลังจาก 2 เดือนของการทำ SEO ผลลัพธ์ที่ได้คือ อัตราการกลับมาซื้อซ้ำเพิ่มขึ้น 40% คุณปอนด์กล่าวว่า “SEO ทำให้เราเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ และสร้างความผูกพันกับลูกค้าเก่าได้มากขึ้น”
2. กรณีศึกษาจากคุณธีร์ - คราฟท์ แอนด์ โค
คุณธีร์เจ้าของร้านคราฟท์ แอนด์ โคที่สีลมมีปัญหาว่าโฆษณาไม่ได้ผล เขาจึงเริ่มใช้ SEO โดยการทำบทความบล็อกเกี่ยวกับสินค้าพร้อมการใช้คีย์เวิร์ดที่ค้นหาบ่อย
ผลลัพธ์ที่ได้รับคือ จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้นถึง 250% และยอดขายเพิ่มขึ้น 30% ในระยะเวลาเพียง 3 เดือน คุณธีร์บอกว่า “การเขียนบทความที่ดีทำให้ลูกค้าสนใจและเข้ามาหาเราเอง”
3. กรณีศึกษาจากคุณเฟิร์น - สวนดอกไม้
คุณเฟิร์นเจ้าของสวนดอกไม้ที่ชลบุรีประสบปัญหาต้นทุนสูง จึงตัดสินใจพัฒนาเว็บไซต์ให้มีการปรับแต่ง SEO และเพิ่มการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อดึงดูดลูกค้า
หลังจาก 4 เดือนของการทำงาน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ลดต้นทุนการโฆษณาได้ 20% และยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 50% คุณเฟิร์นกล่าวว่า “การใช้ SEO ทำให้เราไม่ต้องพึ่งพาการโฆษณาแบบเดิมๆ อีกต่อไป”
4. กรณีศึกษาจากคุณเอิร์ธ - ร้านของดี
คุณเอิร์ธเจ้าของร้านของดีที่สุราษฎร์ธานีต้องการชนะคู่แข่งในตลาด จึงเน้นการทำ SEO On-page และ Off-page พร้อมกับสร้างลิงก์คุณภาพจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
ผลลัพธ์ที่ได้รับคือ อันดับในผลการค้นหาขึ้นมาอยู่ในหน้าแรก 1-3 และยอดขายเพิ่มขึ้น 70% ในระยะเวลา 6 เดือน คุณเอิร์ธกล่าวว่า “SEO คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราชนะคู่แข่งในตลาด”
จากกรณีศึกษาที่เราได้เห็นชัดเจนว่า การทำ SEO ไม่ได้เป็นแค่กระบวนการที่มีความซับซ้อน แต่สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง สำหรับใครที่ยังไม่เริ่มต้นหรือยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับ SEO มาลองศึกษาเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจของคุณกันเถอะ!
วิธีเริ่มต้นใช้งานทันที

หลายคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำ SEO อาจรู้สึกท่วมท้นกับข้อมูลมากมายที่มีอยู่ในโลกออนไลน์ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีเริ่มต้นที่คุณสามารถทำได้ทันที!
การติดตั้งและตั้งค่าบัญชี Google Search Console จะช่วยให้คุณมองเห็นข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้ เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ยังเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO ของคุณ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า!
1. ตั้งค่าบัญชี Google Search Console
การติดตั้ง Google Search Console (GSC) เป็นการเริ่มต้นที่สำคัญ เพราะมันช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้ใช้ค้นหาอะไรจากเว็บไซต์ของคุณ และเว็บไซต์ของคุณมีอันดับอย่างไรในผลการค้นหา
ขั้นตอนการตั้งค่า GSC มีดังนี้:
- ไปที่เว็บไซต์ Google Search Console
- ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google ของคุณ
- เพิ่มเว็บไซต์ของคุณและยืนยันความเป็นเจ้าของโดยใช้วิธีการที่แนะนำ
เมื่อคุณตั้งค่าเสร็จแล้ว คุณจะสามารถติดตามข้อมูลเช่นการแสดงผล, การคลิก, และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเว็บไซต์ของคุณได้
2. ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์
การใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้และประสิทธิภาพของเนื้อหา
เครื่องมือที่แนะนำได้แก่:
- Google Analytics: ใช้ติดตามข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์และพฤติกรรมของผู้ใช้
- SEMrush: วิเคราะห์คู่แข่งและคำค้นหาที่มีประสิทธิภาพ
- Ahrefs: ตรวจสอบลิงก์ย้อนกลับและการจัดอันดับของคีย์เวิร์ด
การใช้เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ SEO ของคุณได้อย่างตรงจุด
3. เริ่มทำเนื้อหาที่มีคุณภาพ
การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าจะทำให้ผู้ใช้กลับมาที่เว็บไซต์ของคุณบ่อยขึ้น และยังช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหา
เคล็ดลับในการสร้างเนื้อหาที่ดี:
- ทำการวิจัยคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
- เขียนบทความที่ตอบโจทย์ปัญหาหรือคำถามที่ผู้ใช้มักจะค้นหา
- ใช้ภาพและกราฟิกเพื่อเพิ่มความน่าสนใจและเข้าใจง่าย
ยกตัวอย่างเช่น คุณเฟิร์นจากสวนดอกไม้ได้สร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้ที่สนใจการดูแลต้นไม้ ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 50% ภายใน 4 เดือน (ดูรายละเอียดใน Case Study ด้านบน)
การเริ่มต้นใช้งาน SEO ไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีความมุ่งมั่นและพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
💡 หากคุณต้องการปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับ บริการปรับปรุงเว็บไซต์ ของเราได้เลย!
📖 และถ้าคุณต้องการเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ตอบโจทย์ตลาดออนไลน์ ดูรายละเอียดบริการเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ของเราได้ที่นี่!
คำถามที่พบบ่อย + สรุป
หลายคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำ SEO อาจมีคำถามในใจมากมาย เช่น "ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?" หรือ "ต้องใช้เงินมากหรือไม่ในการทำ SEO?" มาทำความเข้าใจคำถามเหล่านี้กันเถอะ!
1. SEO ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์จากการทำ SEO จะเริ่มเห็นผลประมาณ 3-6 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของการแข่งขันในตลาดและคีย์เวิร์ดที่เลือกใช้ หากคุณทำตามแนวทางที่ถูกต้องและมีคุณภาพ คุณจะเริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าชมเว็บไซต์และอันดับในผลการค้นหาในเวลาไม่นานนัก
สำหรับตัวอย่างเช่น คุณเอิร์ธเจ้าของ "ร้านของดี" ได้เริ่มทำ SEO โดยเน้นการทำ On-page และ Off-page ซึ่งใช้ระยะเวลา 6 เดือน และเขาสามารถขึ้นอันดับในหน้าแรกได้แล้ว
2. ต้องใช้เงินมากหรือไม่ในการทำ SEO?
การทำ SEO ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากเสมอไป หากคุณมีความรู้และสามารถทำเองได้ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลออนไลน์ เช่น คู่มือเริ่มต้น SEO ของ Google หรือ คู่มือสำหรับมือใหม่เกี่ยวกับ SEO
แต่หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีคุณภาพ การลงทุนกับเอเจนซีก็เป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งเราเสนอ บริการปรับปรุงเว็บไซต์ ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับได้เร็วขึ้น
3. Key Takeaways: SEO เป็นกระบวนการต่อเนื่อง
SEO ไม่ใช่แค่การทำครั้งเดียวแล้วจบเท่านั้น แต่เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณคงอันดับที่ดีในผลการค้นหา นี่คือสรุปประเด็นสำคัญที่ควรจำ:
- ใช้เวลา 3-6 เดือนในการเห็นผลลัพธ์
- สามารถทำด้วยตัวเองหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญ
- SEO เป็นกระบวนการที่ต้องปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
"One Day หรือ Day One ทางเลือกนั้นเป็นของคุณ"
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ คุณยังไม่ได้เริ่ม... ผมขอชวนให้คุณมาเริ่มได้แล้วครับ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ :)
ป.ล. ถ้าคุณสนใจเรื่องนี้ บทความเหล่านี้น่าจะช่วยเติมเต็มความรู้คุณได้ วิธีการติดอันดับใน Google ด้วย Webflow
ตารางสรุป
| ประเด็น | ข้อดี | ข้อเสีย |
|---|---|---|
| การเลือกคีย์เวิร์ด | ช่วยให้เนื้อหาตรงตามความต้องการของผู้ค้นหา | อาจใช้เวลานานในการวิจัยและเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม |
| การปรับแต่ง On-Page SEO | เพิ่มโอกาสในการติดอันดับสูงในผลค้นหา | ต้องมีความรู้เรื่อง HTML และการออกแบบเว็บไซต์ |
| การสร้างลิงก์ (Link Building) | ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและอันดับของเว็บไซต์ | อาจต้องใช้เวลาและความพยายามในการสร้างลิงก์คุณภาพ |
| การวิเคราะห์ผล (Analytics) | ช่วยในการปรับกลยุทธ์ SEO ให้ดีขึ้นตามข้อมูล | ต้องมีความรู้ในการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics |
สรุป
ตลอดบทความนี้ เราได้เห็นว่าการทำ SEO สำหรับมือใหม่ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากคุณมีการวางแผนที่ดีและรู้จักแนวทางที่ถูกต้อง การติดอันดับใน Google ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
“SEO คือการทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จัก และเมื่อรู้จักแล้ว ก็ต้องทำให้มันโดดเด่น”
นี่คือ Key Takeaways ที่คุณควรจำไว้:
- 1. ทำ Keyword Research: ค้นหาคำหลักที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ
- 2. ปรับปรุง On-page SEO: ให้ความสำคัญกับการใช้ Meta Tags, Heading และ Content ที่มีคุณภาพ
- 3. สร้าง Backlinks: เชื่อมโยงเว็บไซต์ของคุณกับแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
- 4. ตรวจสอบ Core Web Vitals: ทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วและใช้งานง่าย
- 5. สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า: ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานและเสริมสร้าง Trust
เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มลงมือทำตามขั้นตอนเหล่านี้ โอกาสจะเดินมาหาคุณเอง และเราจะได้เห็นเว็บไซต์ของคุณติดอันดับใน Google อย่างแน่นอน :)
ปรับ SEO ให้เว็บใหม่ เริ่มต้นติดอันดับทันที
มือใหม่ SEO ไม่รู้จะเริ่มยังไง? ✅ เพิ่มการมองเห็นเว็บบน Google ภายใน 3 เดือน ✅ ใช้ Webflow สร้าง UX/UI ที่โดดเด่น ✅ เชื่อมต่อการพัฒนาเว็บของคุณกับ ปรึกษาฟรีกับผู้เชี่ยวชาญ วันนี้
ปรึกษาฟรี ไม่มีข้อผูกมัด องค์กรหลายแห่งเลือกใช้บริการจากเรา เริ่ม พัฒนาเว็บด้วย Webflow พัฒนาเว็บไซต์สู่ความสำเร็จ
Recommended
- Advanced SEO: URL Slug ที่ถูกต้อง อ่านง่าย ติดอันดับ (อัปเดต 2025)
- Breadcrumbs: ทำ SEO + UX ให้ดี (พร้อมโค้ด/สคีมา) – 2025
- กลยุทธ์ Digital Marketing สำหรับสำนักงานบัญชี: SEO, รีวิว, Ads, CRM (อัปเดต 2025)
- B2B Topic Clusters SEO Strategy: ทำคลัสเตอร์ให้ติดอันดับ–สร้างลีด (อัปเดต 2025)
- 7 ฟีเจอร์ลับบน Webflow ที่ควรใช้: เร่ง SEO/ความเร็ว/เวิร์กโฟลว์ (อัปเดต 2025)
Recent Blog

ทำไมเว็บไซต์ของคุณถึงไม่ดึงดูดลูกค้า? คำตอบอาจอยู่ที่ UX/UI ที่คุณมองข้าม อ่านต่อเพื่อค้นพบ 3 เหตุผลที่คุณต้องรู้...

คุณเคยคิดไหมว่าเว็บไซต์ของคุณโหลดช้า? มาหาคำตอบและวิธีแก้ไขที่ทำให้คุณกลับมามียอดขายที่ดีอีกครั้ง อ่านต่อ...

บทความนี้เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจและผู้จัดการการตลาดที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับข้อผิดพลาดที่ทำให้เว็บไซต์ไม่ติดอันดับ SEO พร้อมแนวทางการแก้ไขเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์.






