ปรับ page speed
เทคนิทการทำเว็บไซต์

เทคนิคการปรับ Page Speed ให้ได้ 80 ขึ้นจาก Case Study จริง

ปรับ page speed
# นาทีในการอ่าน
ปรับ page speed
May 12, 2024
ปรับ page speed
Tanakit Chaithip
Founder at Vision x Brain
ปรับ page speed
ปรับ page speed
เทคนิคการปรับ Page Speed ให้ได้ 80 ขึ้นจาก Case Study จริง
ปรับ page speed
บทความภาษาไทย
ปรับ page speed
ปรับ page speed
ปรับ page speed
ปรับ page speed
ปรับ page speed
ปรับ page speed
ปรับ page speed
ปรับ page speed
ปรับ page speed
ปรับ page speed
ปรับ page speed
ปรับ page speed
ปรับ page speed
ปรับ page speed
รับทำเว็บไซต์

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนอ่านบทความนี้?

Page Speed ที่ดีควรอยู่ที่เท่าไหร่?

Google แนะนำว่า Page Speed ที่ดีควรอยู่ที่ 80 คะแนนขึ้นไป

ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผลหลังจากปรับ Page Speed?

ปกติแล้วจะเห็นผลทันทีหลังจากปรับ แต่อาจใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์กว่า Google จะอัปเดตผลคะแนน Page Speed ใหม่

มีเครื่องมือแนะนำสำหรับเช็ค Page Speed บ้างไหม?

เครื่องมือยอดนิยมได้แก่ Google PageSpeed Insights, GTmetrix, Pingdom เป็นต้น

ยาวไปอยากเลือกอ่าน

ในยุคที่การแข่งขันในโลกออนไลน์สูงขึ้นเรื่อยๆ การมีเว็บไซต์ที่โหลดเร็วถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณเอาชนะคู่แข่งได้ Page Speed หรือความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ ส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience) และยังมีผลต่อการจัดอันดับใน Search Engine อย่าง Google อีกด้วย วันนี้เรามีเทคนิคการปรับ Page Speed จาก Case Study จริงมาฝากกัน มาดูกันเลยว่ามีวิธีอะไรบ้าง

เทคนิคการปรับ Page Speed

1. ลดขนาดไฟล์รูปภาพ

รูปภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไปเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้า ดังนั้นควรลดขนาดไฟล์รูปภาพลงโดยใช้เครื่องมือบีบอัดภาพออนไลน์ เช่น TinyPNG, Compressor.io เป็นต้น นอกจากนี้ควรเลือกใช้รูปภาพในรูปแบบ JPEG หรือ WebP ซึ่งให้คุณภาพที่ดีแต่มีขนาดเล็กกว่ารูปแบบอื่นๆ

2. ใช้ Lazy Load

Lazy Load คือเทคนิคที่ช่วยโหลดเฉพาะเนื้อหาที่ผู้ใช้งานเห็นบนหน้าจอ ส่วนเนื้อหาที่อยู่ด้านล่างจะถูกโหลดเมื่อผู้ใช้งานเลื่อนลงมาถึง วิธีนี้ช่วยลดเวลาโหลดเว็บไซต์ลงได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บไซต์ที่มีเนื้อหายาวหรือมีรูปภาพจำนวนมาก

3. ใช้ Browser Caching

Browser Caching ช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้นเมื่อผู้ใช้งานเข้ามาเยี่ยมชมซ้ำ โดย Browser จะจดจำและเก็บข้อมูลบางส่วนของเว็บไซต์ไว้ เช่น HTML, CSS, JavaScript และรูปภาพ เมื่อผู้ใช้งานกลับมาอีกครั้ง Browser ก็จะโหลดข้อมูลที่มีอยู่แล้วแทนที่จะดึงข้อมูลใหม่ทั้งหมด ช่วยประหยัดเวลาและแบนด์วิดท์ได้เยอะทีเดียว

4. ใช้ Content Delivery Network (CDN)

CDN คือเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้เร็วขึ้น เพราะข้อมูลถูกส่งมาจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด CDN เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานจากหลากหลายประเทศ หรือเว็บไซต์ที่มีการใช้งานหนัก

5. ลดการใช้ External Scripts

External Scripts เช่น Analytics, Ads, Social Plugins อาจทำให้เว็บไซต์โหลดช้าลง ดังนั้นควรเลือกใช้เท่าที่จำเป็นและตรวจสอบว่ามีผลกระทบต่อความเร็วเว็บไซต์หรือไม่

การปรับ Page Speed อีกวิธีที่ดีที่สุดคือการไม่ใช้ Elements หรือปลั๊กอินของบุคคลที่สาม เลือกใช้ Webflow ก็เป็นอีกทางเลือก แต่หากต้องการประหยัดเวลาและได้งานมืออาชีพ เรารับทำ Webflow นะครับโดย Vision x Brain

สรุปเทคนิคการปรับ Page Speed ให้ได้ 80 ขึ้นจาก Case Study จริง

การปรับ Page Speed ให้ได้ 80 คะแนนขึ้นไปนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ปรับใช้เทคนิคต่างๆ ที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็นการลดขนาดรูปภาพ ใช้ Lazy Load, Browser Caching, CDN และลดการใช้ External Scripts ก็ช่วยเพิ่มความเร็วให้เว็บไซต์ได้แล้ว อย่าลืมตรวจสอบ Page Speed อยู่เสมอและปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้การปรับ Page Speed อีกวิธีที่ดีที่สุดคือการไม่ใช้ Elements หรือปลั๊กอินของบุคคลที่สาม เลือกใช้ Webflow ก็เป็นอีกทางเลือก แต่หากต้องการประหยัดเวลาและได้งานมืออาชีพ เรารับทำ Webflow นะครับโดย Vision x Brain

Thank you! Your submission has been received!
Oops! Something went wrong while submitting the form.
ชอบบทความนี้ไหม? แชร์ให้โลกรู้สิ!
ปรับ page speed
การเรียนรู้, การเดินทาง, ประสบการณ์ใหม่

บทความแนะนำสำหรับคุณ

นักออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ในหุบเขา อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

ดูบทความทั้งหมด
เกร็ดความรู้

จ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ดีอย่างไร ไขข้อข้องใจที่หลายคนอาจมองข้าม

การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม แต่การรับทำเว็บไซต์ให้ออกมาดูดี ใช้งานได้จริง และตอบโจทย์ธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อยๆ การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม แต่การรับทำเว็บไซต์ให้ออกมาดูดี ใช้งานได้จริง และตอบโจทย์ธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจที่หลายคนอาจมองข้ามในการจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์กัน

ข้อควรพิจารณาก่อนจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์

1. ดูผลงานและประสบการณ์

สิ่งแรกที่ควรทำคือ ตรวจสอบผลงานและประสบการณ์ของบริษัทรับทำเว็บไซต์ที่คุณสนใจ ดูว่าเขามีผลงานที่น่าประทับใจและตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่ รวมถึงมีประสบการณ์ในการทำเว็บไซต์ที่หลากหลายและเข้าใจธุรกิจของคุณดีพอหรือเปล่า

2. เช็คราคาและแพ็คเกจบริการ

ต่อมาคือการดูราคาและแพ็คเกจบริการรับทำเว็บไซต์ที่เขาเสนอ เปรียบเทียบราคากับคุณภาพงานและบริการที่จะได้รับ อย่าเลือกแค่เพราะราคาถูก แต่ต้องคุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป นอกจากนี้ดูด้วยว่ารวมบริการอะไรบ้าง เช่น ออกแบบ พัฒนา ดูแลระบบ หรือ SEO เป็นต้น

3. การรับประกันและการสนับสนุนหลังการขาย

อีกสิ่งสำคัญที่ต้องถามคือ เรื่องการรับประกันและการสนับสนุนหลังการขาย บริษัทรับทำเว็บไซต์ที่ดีต้องพร้อมรับประกันผลงานและให้บริการหลังการขายที่ดี คอยช่วยแก้ปัญหา ปรับแต่งเว็บไซต์ หรือให้คำแนะนำอย่างเต็มที่ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเดินหน้าได้อย่างราบรื่น

4. ทีมงานมืออาชีพ

การรับทำเว็บไซต์ที่ดีต้องอาศัยทีมงานมืออาชีพที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทั้ง UX/UI Designer, Web Developer, Tester และ Project Manager ควรสอบถามถึงทีมงานของบริษัทว่าประกอบด้วยใครบ้าง มีความเชี่ยวชาญแค่ไหน เพื่อให้มั่นใจว่าเว็บไซต์ของคุณจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

5. ความเข้าใจในธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย

บริษัทรับทำเว็บไซต์ที่ดีจะต้องพยายามทำความเข้าใจธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายของคุณอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถออกแบบเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงจุด เข้าถึงใจลูกค้า และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน จึงควรเลือกบริษัทที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

Tanakit Chaithip
May 20, 2024
# นาทีในการอ่าน
เกร็ดความรู้

รับทำเว็บไซต์ กับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน

การสร้างประสบการณ์ที่ดีบนเว็บไซต์มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้ผู้ใช้งานเกิดความประทับใจ
ในยุคดิจิทัลที่ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว การมีเว็บไซต์ที่ดีถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแค่มีเว็บไซต์เท่านั้น แต่ต้องเป็นเว็บไซต์ที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานด้วย หากคุณกำลังมองหาบริการรับทำเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ และใส่ใจในประสบการณ์ของผู้ใช้งาน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญและแนวทางในการสร้างเว็บไซต์ที่ดีได้

ความสำคัญของการสร้างประสบการณ์ที่ดีบนเว็บไซต์

การสร้างประสบการณ์ที่ดีบนเว็บไซต์มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้ผู้ใช้งานเกิดความประทับใจ และอยากกลับมาใช้บริการซ้ำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์มีประสบการณ์ที่ดี ได้แก่ - การออกแบบ UX/UI ที่ใช้งานง่าย สวยงาม น่าสนใจ - โหลดเร็ว ไม่มีสะดุด ใช้งานได้ลื่นไหล - มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ - รองรับการใช้งานบนมือถือ (Mobile-Friendly) - มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี น่าเชื่อถือ

แนวทางการสร้างเว็บไซต์ให้มีประสบการณ์ที่ดี

หากต้องการรับทำเว็บไซต์ให้มีประสบการณ์ที่ดี ควรเลือกใช้บริการจากทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ โดยมีแนวทางดังนี้ 1. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและความต้องการของธุรกิจ เพื่อออกแบบเว็บไซต์ให้ตรงใจผู้ใช้งานมากที่สุด 2. ออกแบบ UX/UI ที่เรียบง่าย ใช้งานสะดวก มีความสวยงามทันสมัย น่าสนใจ ช่วยสร้างความประทับใจแรกพบ 3. พัฒนาเว็บไซต์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความเสถียร ปลอดภัย โหลดเร็ว ลดอัตราการ Bounce Rate 4. ทำ SEO บนหน้าเว็บ (On-Page) ใช้คีย์เวิร์ดให้ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหา มีการจัดหมวดหมู่เนื้อหาที่ดี ช่วยเพิ่มอันดับบน Google 5. มีระบบ Analytics วัดผลและปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ตามเทรนด์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป

Tanakit Chaithip
May 19, 2024
# นาทีในการอ่าน
เทคนิทการทำเว็บไซต์

มาทำความรู้จักกับ Responsive Web Design สำหรับการรับทำเว็บไซต์

Responsive Web Design
ในยุคที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ผู้คนส่วนใหญ่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ดังนั้น การออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับการแสดงผลบนทุกขนาดหน้าจอจึงเป็นสิ่งสำคัญ และนี่คือที่มาของ Responsive Web DesignResponsive Web Design คืออะไร?Responsive Web Design (RWD) คือแนวคิดในการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ให้สามารถปรับขนาดและเลย์เอาต์ให้เหมาะสมกับขนาดหน้าจอของอุปกรณ์ที่ใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดไม่ว่าจะใช้งานผ่านอุปกรณ์ใด เว็บไซต์ที่ใช้ RWD จะมีองค์ประกอบดังนี้:- Flexible layouts ที่ปรับขนาดได้ตามความกว้างของหน้าจอ- Flexible images ที่ปรับขนาดได้ตามขนาดของ layout- Media queries ที่ตรวจสอบขนาดหน้าจอและปรับเลย์เอาต์ให้เหมาะสม

ทำไมต้องใช้ Responsive Web Design?

การใช้ RWD ในการรับทำเว็บไซต์มีประโยชน์มากมาย ได้แก่:- เพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ดีขึ้น ผู้ใช้สามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกบนอุปกรณ์ใดก็ได้- ลดต้นทุนในการพัฒนาและดูแลรักษา เพราะใช้โค้ดชุดเดียวกันบนทุกอุปกรณ์- เพิ่มอันดับใน Search Engine เพราะ Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่รองรับ mobile- เพิ่มโอกาสทางการตลาด เพราะผู้ใช้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้จากทุกที่ทุกเวลา

ขั้นตอนการทำ Responsive Web Design

1. วางแผน กำหนดเป้าหมายและกลุ่มผู้ใช้งานของเว็บไซต์2. ออกแบบ wireframe และ prototype ที่รองรับหลายขนาดหน้าจอ3. พัฒนาด้วย HTML, CSS และ JavaScript โดยใช้เทคนิค RWD4. ทดสอบบนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าแสดงผลได้ถูกต้อง5. ปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปแต่หากใครที่อยากได้งานที่ตรงใจ ลองจ้างเรา Vision x Brain ทำ Webflow สิครับ จริงๆ งบประมาณทำเว็บก็อยู่ที่ความเหมาะสมอยู่ที่ความพึงพอใจ เราสามารถทำเว็บไซต์ Responsive ที่รองรับทุกขนาดหน้าจอ ด้วยคุณภาพและราคาที่คุณพอใจ

Tanakit Chaithip
May 19, 2024
# นาทีในการอ่าน
ดูบทความทั้งหมด
5.0 from 63 reviews

รับปรับปรุงเว็บไซต์ครบวงจร ด้วย Webflow เทคโนโลยีระดับโลก

ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อยๆ การมีเว็บไซต์ที่ทันสมัย ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ลูกค้า ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญในการรับปรับปรุงเว็บไซต์ครบวงจร ด้วยเทคโนโลยี Webflow ระดับโลก เราพร้อมให้บริการแล้ววันนี้

รับปรับปรุงเว็บไซต์
รับปรับปรุงเว็บไซต์