🔥 แค่ 5 นาที เปลี่ยนมุมมองได้เลย

7 ฟีเจอร์ลับบน Shopify ที่เจ้าของร้านมือใหม่อาจไม่รู้ (แต่ช่วยขายดีขึ้น!)

ยาวไป อยากเลือกอ่าน?

"ปลดล็อกขุมทรัพย์!" 7 ฟีเจอร์ "ลับ" ใน Shopify ที่มือใหม่ "มองข้าม" (แต่เซียนใช้ "ปั๊มยอดขาย" รัวๆ!) อัปเดต 2025

เจ้าของร้าน Shopify มือใหม่ (และอาจจะมือเก๋าบางท่าน!) ทุกคนครับ! เคยรู้สึกไหมครับว่าเราก็ "ตั้งค่าร้าน" ตามที่ Shopify แนะนำทุกอย่างแล้วนะ สินค้าก็ลงครบ รูปก็สวย โปรโมชั่นก็มี แต่ทำไม...ทำไมยอดขายมันยัง "ไม่ปัง" อย่างที่คิด? หรือบางทีก็รู้สึกเหมือนเรากำลัง "ใช้ Shopify ได้ไม่เต็มศักยภาพ" ของมันสักที เหมือนมี "ของดี" ซ่อนอยู่แต่เรา "หาไม่เจอ"! ถ้าคุณกำลังรู้สึกแบบนี้อยู่ล่ะก็...บทความนี้ "เขียนมาเพื่อคุณ" โดยเฉพาะครับ!

Shopify เนี่ย มันไม่ใช่แค่ "แพลตฟอร์มสร้างร้านค้าออนไลน์" ธรรมดานะครับ แต่มันคือ "คลังอาวุธ" ชั้นดีที่เต็มไปด้วย "เครื่องมือ" และ "ฟีเจอร์" มากมายที่พร้อมจะช่วยให้ร้านของคุณ "ขายดีขึ้น" แบบก้าวกระโดด! เพียงแต่ว่า...ฟีเจอร์เด็ดๆ บางอย่างมันอาจจะ "ซ่อนตัว" อยู่อย่างเงียบๆ หรือเป็นสิ่งที่เจ้าของร้านมือใหม่มักจะ "มองข้าม" ไปอย่างน่าเสียดาย วันนี้ ผมจะพาเพื่อนๆ ไป "ไขความลับ" เปิดกรุ "7 ฟีเจอร์ลับบน Shopify" ที่แม้แต่มือใหม่ก็ "ทำตามได้ง่ายๆ" แต่รับรองว่าถ้าคุณรู้จักนำไปปรับใช้ มันจะช่วย "ปลดล็อก" ยอดขายให้ร้านของคุณ "พุ่งทะยาน" จนแพ็กของแทบไม่ทันเลยทีเดียว! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไป "อัปเลเวล" ร้าน Shopify ของคุณกันเลยครับ!

ร้าน Shopify "ธรรมดา" vs ร้าน Shopify "ขายดี x10": ความลับอยู่ที่ "ฟีเจอร์ที่ถูกลืม"?

เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมร้าน Shopify บางร้านถึง "ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า" ทั้งๆ ที่อาจจะขายสินค้าคล้ายๆ กับเรา หรือเพิ่งเปิดร้านมาได้ไม่นาน? ในขณะที่ร้านของเรากลับ "เงียบเหงา" ยอดขายไม่กระเตื้องสักที? แน่นอนครับว่าปัจจัยมันมีหลายอย่าง ทั้งตัวสินค้า, การตลาด, หรือการบริการลูกค้า แต่มีอีก "ความลับ" หนึ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ นั่นก็คือ "การใช้ฟีเจอร์ของ Shopify ได้อย่างชาญฉลาดและเต็มประสิทธิภาพ" ครับ!

Shopify ถูกออกแบบมาให้ "ใช้งานง่าย" ก็จริงครับ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฟีเจอร์ทุกอย่างจะถูก "ปูพรมแดง" โชว์ให้เราเห็นทั้งหมดตั้งแต่แรก ฟีเจอร์ "ลับ" บางอย่างอาจจะต้องอาศัย "การตั้งค่าเพิ่มเติม" เล็กน้อย หรือการ "พลิกแพลง" การใช้งานนิดหน่อย แต่มันกลับสามารถสร้าง "ความแตกต่าง" ที่ยิ่งใหญ่ให้กับประสบการณ์ของลูกค้าและ "ยอดขาย" ของร้านเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ! การที่เรา "มองข้าม" ฟีเจอร์เหล่านี้ไป ก็เหมือนกับเรามี "รถแข่ง F1" แต่กลับขับมันแค่ "60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง" นั่นแหละครับ! มันน่าเสียดายศักยภาพใช่ไหมล่ะครับ? และบ่อยครั้ง ปัญหาที่ทำให้ร้าน Shopify เสียยอดขาย ก็มาจากการไม่ได้ใช้เครื่องมือที่มีอยู่อย่างเต็มที่นี่เอง

ภาพเปรียบเทียบร้าน Shopify ที่ดูธรรมดา กับร้าน Shopify ที่ใช้ฟีเจอร์ลับแล้วดูน่าสนใจและขายดีขึ้น

"จุดบอด" ของมือใหม่: ทำไมฟีเจอร์ดีๆ ใน Shopify ถึงถูก "มองข้าม" ไปอย่างน่าเสียดาย?

แล้วทำไมล่ะครับ ฟีเจอร์ "ดีๆ" ที่ Shopify อุตส่าห์ซ่อนไว้ให้เป็น "ไข่อีสเตอร์" ถึงมักจะถูกเจ้าของร้านมือใหม่ (หรือแม้แต่มือเก๋าบางคน) "มองข้าม" ไปอย่างน่าเสียดาย? จากประสบการณ์ที่ผมได้ช่วยให้คำปรึกษาร้านค้า Shopify มามากมาย ผมพบว่า "ต้นตอ" ของปัญหามักจะมาจากสาเหตุเหล่านี้ครับ:

1. "ความซับซ้อน" ที่ซ่อนอยู่ใน "ความง่าย": Shopify ขึ้นชื่อเรื่อง "ความเป็นมิตรกับผู้ใช้" ก็จริงครับ แต่พอเราเริ่ม "เจาะลึก" เข้าไปในส่วนการตั้งค่าต่างๆ หรือลองสำรวจ App Store เราจะพบว่ามันมี "ตัวเลือก" และ "ฟังก์ชัน" มากมายจน "ตาลาย" ได้เหมือนกัน! มือใหม่หลายคนอาจจะรู้สึก "ท่วมท้น" (Overwhelmed) จนเลือกที่จะ "ใช้แค่ฟังก์ชันพื้นฐาน" ที่ตั้งค่ามาให้ตั้งแต่แรกก็พอแล้ว

2. "คู่มือ" หรือ "บทความสอน" อาจจะ "ยังไม่ครอบคลุม" ฟีเจอร์ลับๆ: แหล่งข้อมูลส่วนใหญ่มักจะเน้นสอนการตั้งค่า "พื้นฐาน" หรือฟีเจอร์ที่ "คนส่วนใหญ่ใช้กัน" ทำให้ฟีเจอร์ "ลับ" หรือ "เทคนิคขั้นสูง" บางอย่างอาจจะยังไม่ถูกหยิบยกมาพูดถึงมากนัก หรืออาจจะต้อง "ค้นหา" ข้อมูลเฉพาะทางเพิ่มเติมเอง

3. "เวลา" คือ "ของมีค่า" สำหรับเจ้าของร้าน: การจะมานั่ง "งม" หาฟีเจอร์ลับๆ หรือ "ทดลอง" ตั้งค่าต่างๆ มันต้องใช้ "เวลา" และ "ความอดทน" พอสมควรครับ ซึ่งสำหรับเจ้าของร้านที่ต้องทำทุกอย่างตั้งแต่สต็อกสินค้า, แพ็กของ, ตอบแชทลูกค้า, ไปจนถึงทำการตลาด การจะหาเวลามา "สำรวจ" ฟีเจอร์เหล่านี้อย่างละเอียดก็อาจจะเป็นเรื่อง "ยาก" ครับ

4. "ไม่รู้ว่ามี...ก็เลยไม่ได้ใช้!": นี่คือสาเหตุที่ "คลาสสิก" ที่สุดเลยครับ! ฟีเจอร์ลับบางอย่างมันอาจจะ "ไม่ได้ถูกโปรโมท" อย่างชัดเจน หรือเป็นส่วนที่ต้อง "คลิกเข้าไปลึกหน่อย" ถึงจะเจอ ทำให้เจ้าของร้าน "ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่" ก็เลยไม่ได้ลองนำมาใช้ประโยชน์นั่นเอง หากต้องการความช่วยเหลือในการตั้งค่าเหล่านี้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและปรับแต่งร้าน Shopify ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ

ภาพเจ้าของร้าน Shopify มือใหม่กำลังมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความสับสน ท่ามกลางไอคอนฟีเจอร์มากมาย

"เสียดายของ!" ผลกระทบเมื่อคุณใช้ Shopify "ไม่เต็มศักยภาพ" ที่มันมี

การที่เรา "ใช้ Shopify ไม่เต็มศักยภาพ" หรือ "มองข้าม" ฟีเจอร์ลับดีๆ ที่มันมีให้ไป มันไม่ใช่แค่เรื่องของ "ความไม่รู้" นะครับ แต่มันส่งผลกระทบ "โดยตรง" ต่อ "ประสิทธิภาพ" และ "ยอดขาย" ของร้านเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยครับ!

"พลาดโอกาส" ในการ "เพิ่ม Conversion Rate": ฟีเจอร์ลับบางอย่างถูกออกแบบมาเพื่อ "กระตุ้น" การตัดสินใจซื้อของลูกค้าโดยเฉพาะเลยนะครับ! เช่น การสร้างโปรโมชั่นแบบ "เฉพาะบุคคล", การแสดง "สินค้าแนะนำ" ที่ตรงใจ, หรือการ "ลดขั้นตอน" ในการสั่งซื้อ ถ้าเราไม่ได้ใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ ก็เท่ากับเรากำลัง "ปล่อยให้ลูกค้าหลุดมือ" ไปอย่างน่าเสียดาย

"ประสบการณ์ลูกค้า" ที่ "ไม่น่าประทับใจ" เท่าที่ควร: ลูกค้าในปัจจุบัน "คาดหวัง" ประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่ "ราบรื่น" "สะดวกสบาย" และ "เป็นส่วนตัว" มากขึ้นครับ ถ้าเรายังคงใช้แค่ฟังก์ชันพื้นฐาน ร้านของเราก็อาจจะดู "ธรรมดา" และ "ไม่แตกต่าง" จากคู่แข่ง ทำให้ลูกค้า "ไม่รู้สึกพิเศษ" หรือ "ไม่อยากกลับมาซื้อซ้ำ"

"เสียเวลา" กับงาน Manual ที่ควรจะ "อัตโนมัติ" ได้: Shopify มีฟีเจอร์และ App มากมายที่ช่วย "ลดภาระงานซ้ำซาก" ของเจ้าของร้านได้นะครับ! เช่น การจัดการออเดอร์, การตอบคำถามลูกค้าเบื้องต้น, หรือการทำการตลาดแบบอัตโนมัติ ถ้าเรายังคง "ทำทุกอย่างด้วยมือ" อยู่ ก็เท่ากับเรากำลัง "เสียเวลาอันมีค่า" ที่ควรจะเอาไปใช้ในการ "คิดกลยุทธ์" หรือ "พัฒนาสินค้า" แทน

"ตามหลังคู่แข่ง" ที่ "ใช้เครื่องมือเป็น": ในสมรภูมิ E-commerce ที่ "ใครเร็วกว่า...ใครฉลาดกว่า...คนนั้นชนะ" ถ้าคู่แข่งของเรารู้จัก "งัดฟีเจอร์ลับ" ของ Shopify มาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ แต่เรายังคง "ย่ำอยู่กับที่" โอกาสที่เราจะ "ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง" มันก็ "สูงมาก" ครับ! การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ การอ่านข้อมูล Shopify Analytics เพื่อนำมาปรับปรุงร้าน ก็เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญครับ

ภาพร้านค้า Shopify ที่ดูธรรมดา มีใยแมงมุมเกาะ สื่อถึงการไม่ได้ใช้ฟีเจอร์อย่างเต็มที่

"ปลุกพลังร้านคุณ!" 7 ฟีเจอร์ "ลับ" ใน Shopify ที่จะช่วย "ปั๊มยอดขาย" ให้พุ่งกระฉูด!

เอาล่ะครับ! ถึงเวลา "ไขความลับ" และ "ปลุกพลังที่ซ่อนเร้น" ในร้าน Shopify ของคุณแล้ว! ผมได้คัดสรร "7 ฟีเจอร์ลับ" ที่เจ้าของร้านมือใหม่อาจจะยังไม่รู้ หรือมองข้ามไป แต่รับรองว่าถ้าคุณนำไป "ปรับใช้" อย่างถูกวิธี มันจะช่วย "พลิกเกม" ให้ร้านของคุณ "ขายดีขึ้น" จนน่าตกใจเลยทีเดียว! และข่าวดีก็คือ ฟีเจอร์ส่วนใหญ่เหล่านี้ "มีอยู่แล้ว" ใน Shopify หรือสามารถ "เพิ่มได้ง่ายๆ" ด้วยแอปที่ไม่ซับซ้อนครับ! หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการตั้งค่าเหล่านี้ การมี ทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการตั้งค่าและปรับแต่งร้าน Shopify ก็จะช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก

1. "Product Recommendations" อัจฉริยะ: "กระซิบ" บอกลูกค้าว่ามีอะไรน่าซื้ออีก!

มันคืออะไร?: ระบบแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องหรือสินค้าที่ลูกค้ารายอื่นมักจะซื้อคู่กัน แสดงผลในหน้าสินค้าหรือหน้าตะกร้าสินค้า

ทำไมถึง "ลับ" และ "เด็ด"?: มือใหม่หลายคนอาจจะปล่อยให้ส่วนนี้ว่างเปล่า หรือใช้ระบบแนะนำพื้นฐานของ Theme ซึ่งอาจจะไม่ "ฉลาด" พอ แต่ถ้าเราตั้งค่าดีๆ หรือใช้ App ช่วย มันจะสามารถ "วิเคราะห์" พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า แล้ว "แนะนำสินค้า" ที่ "ตรงใจ" ได้อย่างแม่นยำ เหมือนมีพนักงานขายคอย "กระซิบ" บอกลูกค้าว่า "ชิ้นนี้ก็น่าสนใจนะคะ" หรือ "ลองดูชิ้นนี้คู่กันสิคะ เหมาะมากเลย!"

วิธีปลดล็อกพลัง:

ลองใช้ Shopify App อย่าง "Also Bought - Product Recommendations" หรือ "ReConvert Upsell & Cross Sell" เพื่อสร้างระบบแนะนำสินค้าที่ "ฉลาด" และ "ปรับแต่งได้"

ตั้งค่าให้แสดง "Frequently Bought Together" (สินค้าที่มักซื้อคู่กัน) หรือ "Customers Who Bought This Also Bought" (ลูกค้าที่ซื้อสินค้านี้ มักจะซื้อสินค้านั้นด้วย)

ทดลอง A/B Testing กับตำแหน่งและรูปแบบการแสดงผล Product Recommendations เพื่อหาจุดที่ "กระตุ้นยอดขาย" ได้ดีที่สุด

2. "Abandoned Cart Recovery" อัตโนมัติ: "ตามลูกค้ากลับมา" ปิดการขาย!

มันคืออะไร?: ระบบส่งอีเมลหรือ SMS แจ้งเตือนลูกค้าที่ "เพิ่มสินค้าลงตะกร้าแล้ว...แต่ยังไม่ได้จ่ายเงิน" ให้กลับมาซื้อสินค้าให้สำเร็จ

ทำไมถึง "ลับ" และ "เด็ด"?: Shopify มีฟีเจอร์นี้ให้ "ฟรี" นะครับ! แต่เจ้าของร้านมือใหม่หลายคนอาจจะ "ไม่ได้เปิดใช้งาน" หรือ "ไม่ได้ปรับแต่ง" ข้อความในอีเมลให้น่าสนใจพอ ทั้งๆ ที่มันคือ "เครื่องมือทรงพลัง" ที่จะช่วย "กู้คืนยอดขาย" ที่เกือบจะ "หลุดลอย" ไปแล้วได้ถึง 10-20% เลยทีเดียว!

วิธีปลดล็อกพลัง:

ไปที่ Settings > Checkout ใน Shopify Admin แล้วตั้งค่า "Abandoned checkouts" ให้ "Automatically send abandoned checkout emails"

"ปรับแต่ง" ข้อความในอีเมลให้น่าสนใจและเป็นกันเอง อาจจะใส่ "ส่วนลดพิเศษ" เล็กๆ น้อยๆ หรือ "เหตุผล" ดีๆ ที่เขาควรจะกลับมาซื้อให้สำเร็จ

ตั้งค่า "เวลา" ในการส่งอีเมลให้เหมาะสม เช่น หลังจากทิ้งตะกร้าไปแล้ว 1 ชั่วโมง, 24 ชั่วโมง, หรือ 3 วัน

ลองใช้ Shopify App ที่ช่วยเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น "Consistent Cart" หรือ "CM Commerce Email Marketing" เพื่อเพิ่มฟังก์ชันที่ "แอดวานซ์" ยิ่งขึ้น เช่น การส่ง SMS หรือการทำ Sequence Email หลายฉบับ

3. "Shopify Email": เครื่องมือ Email Marketing "ฟรี" ที่ซ่อนอยู่ในร้านคุณ!

มันคืออะไร?: เครื่องมือสร้างและส่ง Email Marketing (เช่น Newsletter, โปรโมชั่น, หรืออัปเดตสินค้าใหม่) ให้กับลูกค้าที่อยู่ในลิสต์ของคุณ โดยไม่ต้องไปใช้บริการ Email Marketing จากภายนอกให้ยุ่งยาก

ทำไมถึง "ลับ" และ "เด็ด"?: เจ้าของร้านหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Shopify มี "Shopify Email" ให้ใช้ "ฟรี" (สำหรับ 2,000 อีเมลแรกต่อเดือน)! มันใช้งานง่ายมาก มี Template สวยๆ ให้เลือก และที่สำคัญคือมัน "เชื่อมต่อ" กับข้อมูลลูกค้าและสินค้าในร้านของคุณโดยตรง ทำให้การสร้างแคมเปญ Email Marketing เป็นเรื่อง "ง่าย" และ "รวดเร็ว" สุดๆ

วิธีปลดล็อกพลัง:

ไปที่ Marketing > Campaigns ใน Shopify Admin แล้วเลือก "Create campaign" จากนั้นเลือก "Shopify Email"

"สร้างลิสต์ลูกค้า" (Customer Segments) ให้ชัดเจน เช่น ลูกค้าที่ซื้อครั้งแรก, ลูกค้า VIP, หรือลูกค้าที่ไม่ได้ซื้อนานแล้ว เพื่อส่งอีเมลที่ "ตรงกลุ่มเป้าหมาย" มากขึ้น

ออกแบบอีเมลให้ "สวยงาม" "น่าอ่าน" และ "Mobile-Friendly" เสมอ

ใส่ "Call-to-Action" ที่ชัดเจนในทุกอีเมล เช่น "ช้อปเลย!", "ดูคอลเลกชันใหม่", หรือ "รับส่วนลดพิเศษ"

4. "Discount Codes" แบบ "เฉพาะเจาะจง": สร้างโปรโมชั่นที่ "ใช่" สำหรับลูกค้า "คนพิเศษ"

มันคืออะไร?: การสร้างรหัสส่วนลด (Discount Code) ที่มีเงื่อนไขการใช้งานที่ "หลากหลาย" และ "เฉพาะเจาะจง" มากกว่าแค่การลดราคาเป็น % หรือจำนวนเงินแบบธรรมดา

ทำไมถึง "ลับ" และ "เด็ด"?: มือใหม่ส่วนใหญ่มักจะสร้างแค่ส่วนลดแบบ "ลด 10% ทั้งร้าน" ซึ่งมันอาจจะ "ไม่ดึงดูด" พอ หรือ "ไม่คุ้มค่า" ในระยะยาว แต่ Shopify อนุญาตให้เราสร้าง Discount Code ที่ "ซับซ้อน" และ "ตรงเป้า" ได้มากกว่านั้นเยอะครับ! เช่น "ซื้อครบ 1,000 บาท รับส่วนลด 100 บาท", "ซื้อสินค้า A แถมฟรี สินค้า B", หรือ "ส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อครั้งแรกเท่านั้น"

วิธีปลดล็อกพลัง:

ไปที่ Discounts ใน Shopify Admin แล้วลอง "สำรวจ" ตัวเลือกการสร้าง Discount Code ทั้งหมดดูครับ ทั้ง "Amount off products", "Amount off order", "Buy X get Y", และ "Free shipping"

ใช้ "เงื่อนไข" (Minimum requirements, Customer eligibility, Usage limits) ให้เป็นประโยชน์ เพื่อ "ควบคุม" การใช้ส่วนลดให้อยู่ในงบประมาณและ "ตรงกลุ่มเป้าหมาย" ที่สุด

ลองสร้าง "ส่วนลดอัตโนมัติ" (Automatic discounts) ที่จะถูกนำไปใช้กับลูกค้าทันทีเมื่อสินค้าในตะกร้าเข้าเงื่อนไข โดยที่ลูกค้าไม่ต้องกรอกโค้ดเอง

5. "Product Tags" และ "Filters": ช่วยให้ลูกค้า "ค้นหาสินค้า" ในร้านคุณง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!

มันคืออะไร?: "Tags" คือป้ายกำกับที่คุณสามารถเพิ่มให้กับสินค้าแต่ละชิ้นเพื่อระบุคุณสมบัติหรือหมวดหมู่ย่อยๆ ของมัน ส่วน "Filters" คือระบบกรองสินค้าในหน้า Collection หรือหน้าค้นหา ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถ "จำกัดผลลัพธ์" การแสดงสินค้าให้ตรงกับสิ่งที่เขากำลังมองหาได้ง่ายขึ้น

ทำไมถึง "ลับ" และ "เด็ด"?: เจ้าของร้านหลายคนอาจจะใส่แค่ "Collection" พื้นฐานให้กับสินค้า แต่ลืมใส่ "Tags" ที่ละเอียดพอ ทำให้เวลาที่ร้านมีสินค้าเยอะๆ ลูกค้าจะ "หาของยากมาก" ครับ! การใช้ Tags และตั้งค่า Filters ที่ดี จะช่วย "ยกระดับประสบการณ์" ในการค้นหาสินค้าของลูกค้า และทำให้เขา "เจอของที่ใช่" ได้เร็วขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ Conversion Rate เลยครับ!

วิธีปลดล็อกพลัง:

"วางแผน" การใช้ Tags ให้เป็นระบบ เช่น Tag ตามสี, ไซส์, วัสดุ, แบรนด์, สไตล์, หรือคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ

ในหน้าปรับแต่ง Theme (Theme Editor) ของคุณ ลองมองหา "Filtering options" ในส่วนของหน้า Collection แล้วตั้งค่าให้ลูกค้าสามารถ "กรองสินค้า" ตาม Tags ที่คุณสร้างไว้ได้

ใช้ Shopify App อย่าง "Product Filter & Search" โดย Boost Commerce เพื่อสร้างระบบ Filter ที่ "ทรงพลัง" และ "ปรับแต่งได้ละเอียด" ยิ่งขึ้น (เหมาะสำหรับร้านที่มีสินค้าเยอะมากๆ)

6. "Shopify Ping" (หรือ "Shopify Inbox" ในปัจจุบัน): "คุยกับลูกค้า" แบบเรียลไทม์ ปิดการขายได้ทันที!

มันคืออะไร?: เครื่องมือแชทฟรีจาก Shopify ที่ช่วยให้คุณสามารถ "พูดคุย" กับลูกค้าที่กำลังดูสินค้าในร้านของคุณได้แบบ "เรียลไทม์" ผ่านหน้าเว็บไซต์โดยตรง หรือเชื่อมต่อกับ Facebook Messenger และ Apple Business Chat

ทำไมถึง "ลับ" และ "เด็ด"?: การมี Live Chat บนร้านค้าออนไลน์คือ "มาตรฐาน" ของ E-commerce ยุคนี้ไปแล้วครับ! มันช่วย "ลดความลังเล" ของลูกค้า, "ตอบคำถาม" ได้ทันท่วงที, และ "สร้างความสัมพันธ์" ที่ดีกับลูกค้าได้ แต่เจ้าของร้านมือใหม่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Shopify มีเครื่องมือนี้ให้ใช้ "ฟรี" ในชื่อ Shopify Inbox (เดิมคือ Shopify Ping) มันติดตั้งง่าย และช่วยให้คุณ "ไม่พลาด" โอกาสในการปิดการขายเลยครับ!

วิธีปลดล็อกพลัง:

ติดตั้ง "Shopify Inbox" App จาก Shopify App Store (ฟรี)

ตั้งค่า "Greeting message" หรือข้อความต้อนรับอัตโนมัติให้น่าสนใจ

กำหนด "เวลาทำการ" (Business hours) ที่คุณจะพร้อมตอบแชท หรือตั้งค่า "Away message" เมื่อคุณไม่อยู่

ใช้ "Saved replies" (คำตอบที่บันทึกไว้) สำหรับคำถามที่ถูกถามบ่อยๆ เพื่อให้ตอบได้ "รวดเร็ว" ยิ่งขึ้น

พยายาม "ตอบแชทให้เร็วที่สุด" เท่าที่จะทำได้ เพราะนั่นคือ "โอกาสทอง" ในการสร้างความประทับใจและปิดการขายครับ

7. "Gift Cards": "ของขวัญ" สุดพิเศษที่ช่วย "เพิ่มยอดขาย" และ "ดึงดูดลูกค้าใหม่"!

มันคืออะไร?: บัตรของขวัญดิจิทัล (Digital Gift Cards) ที่ลูกค้าสามารถซื้อจากร้านของคุณ แล้วส่งไปให้เพื่อนหรือคนพิเศษเพื่อใช้แทนเงินสดในการซื้อสินค้าในร้านของคุณ

ทำไมถึง "ลับ" และ "เด็ด"?: เจ้าของร้านหลายคนอาจจะมองข้ามฟีเจอร์นี้ไป เพราะคิดว่ามัน "ยุ่งยาก" หรือ "ไม่จำเป็น" แต่จริงๆ แล้ว Gift Cards คือ "เครื่องมือการตลาด" ที่ "ทรงพลัง" มากๆ นะครับ! มันช่วย: "เพิ่มยอดขาย" โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ, "ดึงดูดลูกค้าใหม่" ที่ได้รับ Gift Card เป็นของขวัญ แล้วเข้ามาลองซื้อสินค้าในร้านคุณเป็นครั้งแรก, "แก้ปัญหา" เวลาที่ลูกค้าไม่รู้จะซื้ออะไรให้เป็นของขวัญดี, และ "ลดปัญหาสินค้าค้างสต็อก" (ในบางกรณี)

วิธีปลดล็อกพลัง:

ไปที่ Products > Gift cards ใน Shopify Admin แล้ว "เปิดใช้งาน" ฟีเจอร์ Gift Card (อาจจะต้องอยู่ใน Plan ที่รองรับ)

"ออกแบบ" Gift Card ของคุณให้สวยงามและสื่อถึงแบรนด์

"โปรโมท" Gift Card ในช่วงเทศกาลสำคัญๆ หรือเป็น "ตัวเลือกของขวัญ" ที่น่าสนใจบนหน้าแรกหรือหน้าสินค้าของคุณ

พิจารณาการทำ "โปรโมชั่น" ร่วมกับ Gift Card เช่น "ซื้อ Gift Card มูลค่า 1,000 บาท ได้รับเพิ่มอีก 100 บาท"

อินโฟกราฟิกสรุป 7 ฟีเจอร์ลับบน Shopify พร้อมไอคอนประกอบที่สื่อความหมาย

"เคสจริง...ยิ่งกว่าในฝัน!" เมื่อร้าน Shopify "รู้ความลับ" แล้วยอดขาย "เปลี่ยนชีวิต"!

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าการ "งัดฟีเจอร์ลับ" ของ Shopify มาใช้มัน "สร้างความแตกต่าง" ได้จริงๆ ผมขอยกตัวอย่าง "ร้านขายของแต่งบ้านมินิมอล" ที่เคยเกือบจะ "ปิดกิจการ" เพราะยอดขายไม่กระเตื้อง ทั้งๆ ที่สินค้าก็สวยและมีสไตล์ไม่แพ้ใครครับ

"วันวาน...ที่ยังไม่ปัง": ร้านเดิมของพวกเขาบน Shopify แม้จะดู "สะอาดตา" แต่กลับ "ขาดชีวิตชีวา" ครับ ไม่มีระบบแนะนำสินค้าที่น่าสนใจ, ไม่เคยส่งอีเมลหาลูกค้าเก่าเลย, ส่วนลดก็มีแต่แบบลดทั้งร้านซึ่งไม่ค่อยดึงดูด, และที่สำคัญคือ "ไม่มี Live Chat" ทำให้เวลาลูกค้ามีคำถามก็ต้องรออีเมลตอบกลับนานมาก Conversion Rate อยู่ที่ประมาณ 1% นิดๆ เท่านั้นเองครับ

"ภารกิจ...ปลุกพลังที่ซ่อนเร้น": เจ้าของร้านได้ลองศึกษาและ "ปลดล็อก" ฟีเจอร์ลับต่างๆ ที่ผมเล่ามาครับ เริ่มจากการติดตั้ง App ช่วยทำ "Product Recommendations" ที่ชาญฉลาดขึ้น, เริ่มใช้ "Shopify Email" ส่ง Newsletter โปรโมชั่นสินค้าใหม่ๆ ให้ลูกค้าเก่าทุกสัปดาห์, สร้าง "Discount Codes" แบบ "Buy X Get Y" สำหรับสินค้าที่อยากจะระบายสต็อก, และที่สำคัญคือ "ติดตั้ง Shopify Inbox" เพื่อตอบแชทลูกค้าได้ทันที! พวกเขายังลอง "กระตุ้น" ให้ลูกค้าซื้อ "Gift Cards" ในช่วงเทศกาลต่างๆ ด้วยครับ

"ผลลัพธ์...ที่เจ้าของร้านยิ้มไม่หุบ!": เพื่อนๆ เชื่อไหมครับว่าหลังจาก "ปลุกพลัง" ฟีเจอร์เหล่านี้ขึ้นมาใช้งานอย่างจริงจังเพียง 2-3 เดือน ร้านขายของแต่งบ้านมินิมอลร้านนี้ก็ "เปลี่ยนไป" อย่างไม่น่าเชื่อ! ยอดขายจาก "Product Recommendations" เพิ่มขึ้น 15% ของยอดขายรวม! อีเมลที่ส่งด้วย "Shopify Email" มี Open Rate สูงถึง 30% และสร้างยอดขายกลับมาได้ถึง 10% ของคนที่เปิดอ่าน! "Abandoned Cart Recovery Emails" ช่วย "กู้คืนยอดขาย" ที่เกือบจะเสียไปได้ถึง 12%! และที่น่าทึ่งที่สุดคือ **Conversion Rate โดยรวมของร้าน เพิ่มจาก 1.1% กลายเป็น 2.8%!!** ทำให้ยอดขายต่อเดือนเพิ่มขึ้นเกือบ **3 เท่าตัว!** โดยที่ยังไม่ได้ใช้เทคนิคการตลาดที่ซับซ้อนอะไรมากมายเลย แค่ "รู้จักใช้เครื่องมือที่มีอยู่ให้เป็น" เท่านั้นเองครับ! หากคุณอยากเรียนรู้ เทคนิค Shopify CRO เพื่อเพิ่มยอดขาย อย่างละเอียด บทความนี้มีคำตอบให้คุณแน่นอน

ภาพ Before & After ของร้านค้า Shopify ที่แสดงการใช้ฟีเจอร์ลับและผลลัพธ์ยอดขายที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

"ถึงคิวร้านคุณ!" Checklist ง่ายๆ ปลดล็อกฟีเจอร์ลับ Shopify ให้ยอดขาย "พุ่ง"!

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายท่านคงเริ่ม "ตาลุกวาว" และอยากจะ "กลับไปสำรวจ" ร้าน Shopify ของตัวเองดูบ้างแล้วใช่ไหมครับว่ามี "ฟีเจอร์ลับ" อะไรที่เรายัง "มองข้าม" ไปบ้าง? ลองมาใช้ "Checklist ง่ายๆ" นี้ในการ "ตรวจสุขภาพ" ร้านของคุณกันดูครับ:

1. "Product Recommendations...เปิดใช้งานหรือยัง? ฉลาดพอไหม?": ร้านของคุณมีระบบแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องในหน้าสินค้าหรือหน้าตะกร้าสินค้าหรือไม่? มันแนะนำสินค้าได้ "ตรงใจ" ลูกค้าจริงๆ หรือเปล่า?

2. "Abandoned Cart Recovery...ตั้งค่าไว้รึยัง? ข้อความน่าสนใจไหม?": คุณได้เปิดใช้งานระบบส่งอีเมลตามลูกค้าที่ทิ้งตะกร้าหรือยัง? ข้อความในอีเมลนั้น "ดึงดูด" ให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อให้สำเร็จหรือไม่?

3. "Shopify Email...เคยลองใช้รึเปล่า? หรือปล่อยให้ฝุ่นจับ?": คุณได้ลองใช้ Shopify Email ในการส่ง Newsletter หรือโปรโมชั่นให้ลูกค้าบ้างหรือยัง? หรือยังคงเสียเงินใช้เครื่องมือ Email Marketing ภายนอกอยู่?

4. "Discount Codes...ยังใช้แค่ลด % แบบเดิมๆ อยู่ไหม?": คุณได้ลองสร้าง Discount Code ที่มีเงื่อนไข "หลากหลาย" และ "เฉพาะเจาะจง" มากขึ้น เช่น Buy X Get Y หรือส่วนลดสำหรับลูกค้ากลุ่มพิเศษแล้วหรือยัง?

5. "Product Tags & Filters...ลูกค้าหาของในร้านคุณง่ายจริงไหม?": คุณได้ใส่ Tags ให้สินค้าอย่างละเอียดและตั้งค่า Filters ในหน้า Collection ให้ลูกค้า "กรองสินค้า" ได้สะดวกแล้วหรือยัง? หรือลูกค้ายังต้อง "เลื่อนเมาส์จนเมื่อย" เพื่อหาสินค้าที่ต้องการ?

6. "Live Chat (Shopify Inbox)...พร้อมคุยกับลูกค้าหรือยัง?": ร้านของคุณมีช่องทาง Live Chat ให้ลูกค้าสอบถามได้ทันทีหรือไม่? หรือยังปล่อยให้ลูกค้า "รอคอย" คำตอบทางอีเมลอยู่?

7. "Gift Cards...เปิดโอกาสให้คนอื่นซื้อของให้ลูกค้าคุณรึยัง?": คุณได้เปิดใช้งานฟีเจอร์ Gift Card เพื่อเป็น "อีกหนึ่งช่องทาง" ในการเพิ่มยอดขายและดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ แล้วหรือยัง?

ถ้าคุณ "ติ๊กถูก" ได้ครบเกือบทุกข้อ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ! ร้าน Shopify ของคุณ "ใช้เครื่องมือได้คุ้มค่า" และ "พร้อมจะเติบโต" อย่างแน่นอน! แต่ถ้ายังมีบางข้อที่ "ยังไม่ได้ทำ" ก็อย่ารอช้านะครับ! การ "ปลดล็อก" ฟีเจอร์เหล่านี้ คือ "ทางลัด" สู่ยอดขายที่ "ปัง" กว่าเดิม! แล้วร้าน Shopify ของคุณล่ะครับ...พร้อมจะ "เปิดกรุสมบัติ" แล้วหรือยัง? การมี Shopify Apps พื้นฐานที่มือใหม่ควรมี ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเสริมพลังให้ร้านของคุณครับ

ภาพ Checklist แสดงรายการฟีเจอร์ลับบน Shopify ที่เจ้าของร้านควรตรวจสอบและใช้งาน

"ถาม-ตอบ สไตล์คนขาย Shopify!" เคลียร์ทุกข้อสงสัยเรื่องฟีเจอร์ลับ ปั๊มยอดขายรัวๆ!

เพื่อให้เจ้าของร้าน Shopify ทุกท่าน "มั่นใจ" และ "พร้อมลุย" ในการ "ปลดล็อก" ฟีเจอร์ลับต่างๆ เพื่อ "ปั๊มยอดขาย" ให้พุ่งกระฉูด ผมได้รวบรวม "คำถามยอดฮิต" ที่มักจะคาใจคนขายของออนไลน์ พร้อม "คำตอบแบบเข้าใจง่าย" มาให้แล้วครับ!

การใช้ App เสริมเยอะๆ ใน Shopify มันจะทำให้ร้าน "ช้า" ลงไหมคะ/ครับ? ควรเลือกยังไงดี?

เป็นคำถามที่ดีมากครับ! จริงอยู่ที่การติดตั้ง App เสริม "มากเกินไป" หรือเลือกใช้ App ที่ "เขียนโค้ดมาไม่ดี" อาจจะส่งผลกระทบต่อ "ความเร็ว" ในการโหลดของร้าน Shopify ได้ครับ ดังนั้น "หลักการ" ในการเลือกใช้ App คือ:

"เลือกเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ": ถามตัวเองก่อนว่าฟังก์ชันนั้นมัน "สำคัญ" และ "ช่วยแก้ปัญหา" หรือ "เพิ่มยอดขาย" ให้ร้านเราได้จริงไหม?

"อ่านรีวิวและดูเรตติ้ง": ก่อนติดตั้ง App ไหน ลองอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานคนอื่นๆ ดูก่อนครับว่ามี Feedback เรื่องความเร็วหรือปัญหากับ Theme อื่นๆ ไหม

"เลือก App ที่ "เบา" และ "เขียนโค้ดดี": ลองดูว่า App นั้นมีการ Optimize มาดีแค่ไหน หรือมีผลกระทบต่อ PageSpeed Score มากน้อยเพียงใด

"ทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซื้อ (ถ้ามี Trial)": App หลายตัวมีช่วงทดลองใช้ฟรี ลองติดตั้งและทดสอบดูก่อนว่ามัน "เวิร์ค" กับร้านเราจริงๆ และไม่ทำให้ร้านช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

"ลบ App ที่ไม่ได้ใช้งานออกเสมอ": ถ้าลองแล้วไม่ชอบ หรือไม่ได้ใช้งานแล้ว ก็ควรถอนการติดตั้งออกไปครับ อย่าปล่อยให้มัน "รก" ร้านโดยไม่จำเป็น

ฟีเจอร์ "Product Recommendations" ถ้าตั้งค่าไม่ดี มันจะดู "น่ารำคาญ" หรือ "ยัดเยียด" ให้ลูกค้าไปไหมคะ/ครับ?

มีโอกาสเป็นไปได้ครับ ถ้าเรา "ตั้งค่าไม่ดี" หรือ "แสดงผลเยอะเกินไป" จนดูเหมือน "ยัดเยียด" ให้ลูกค้าซื้อของจริงๆ ดังนั้น "เคล็ดลับ" คือ:

"ความเกี่ยวข้อง" คือหัวใจ: ต้องมั่นใจว่าสินค้าที่แนะนำนั้น "เกี่ยวข้อง" กับสินค้าที่ลูกค้ากำลังดูอยู่จริงๆ หรือเป็นสินค้าที่ "ส่งเสริมกัน"

"อย่าแสดงผลเยอะจนเกินไป": อาจจะแสดงแค่ 3-4 รายการต่อหนึ่งจุดก็เพียงพอแล้วครับ ไม่ต้องโชว์เป็นสิบๆ รายการจน "ลายตา"

"ตำแหน่งการแสดงผล" ต้องเหมาะสม: อาจจะแสดงไว้ด้านล่างของรายละเอียดสินค้า, ในหน้าตะกร้าสินค้า, หรือในอีเมล Abandoned Cart ก็ได้ครับ ลองทดสอบดูว่าตำแหน่งไหนให้ผลลัพธ์ดีที่สุด

"ให้ลูกค้าเลือกได้": บางทีอาจจะมีปุ่มให้ลูกค้า "ซ่อน" ส่วนแนะนำสินค้าได้ ถ้าเขารู้สึกว่ามัน "เกะกะ"

"ใช้ Data มาช่วยตัดสินใจ": ดูว่าลูกค้า "คลิก" ที่สินค้าแนะนำตัวไหนบ่อยๆ หรือสินค้าแนะนำแบบไหนที่ "นำไปสู่การซื้อ" จริงๆ แล้วค่อยๆ "ปรับปรุง" ระบบแนะนำสินค้าของเราให้ "ฉลาด" ยิ่งขึ้น

ถ้าอยากจะ "ปรับแต่ง" หน้า Checkout ของ Shopify ให้ "สวย" และ "ใช้งานง่าย" กว่าเดิมมากๆ สามารถทำได้ไหมคะ/ครับ? หรือต้องใช้ Shopify Plus อย่างเดียว?

สำหรับ "การปรับแต่งหน้า Checkout แบบเต็มรูปแบบ" (เช่น การเปลี่ยน Layout ทั้งหมด, การเพิ่ม Custom Fields แบบซับซ้อน, หรือการใส่ Branding แบบจัดเต็ม) โดยทั่วไปแล้วจะต้องใช้ "Shopify Plus" ครับ ซึ่งเป็น Plan สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ให้อิสระในการเข้าถึงโค้ดของหน้า Checkout (checkout.liquid) ได้ แต่สำหรับ Plan ทั่วไปของ Shopify (เช่น Basic, Shopify, Advanced) การปรับแต่งหน้า Checkout จะ "มีข้อจำกัด" มากกว่าครับ เราสามารถทำได้แค่การ "เปลี่ยนสี", "ใส่โลโก้", หรือ "เพิ่ม Custom Content" บางส่วนผ่านทาง Theme Editor หรือการใช้ Script เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ถึงแม้จะมีข้อจำกัด การ ปรับแต่งประสบการณ์หน้า Checkout ของ Shopify เท่าที่ทำได้ ก็ยังคงสำคัญมากในการลด Abandoned Cart ครับ เช่น การทำให้โลโก้ชัดเจน, การแสดง Trust Badges, หรือการมีช่องทางติดต่อที่ง่ายหากลูกค้ามีปัญหา

ยังมี "คำถาม" หรือ "ข้อสงสัย" เกี่ยวกับฟีเจอร์ลับๆ ใน Shopify อีกไหมครับ? อย่าปล่อยให้ "ความไม่รู้" มาเป็น "กำแพง" กั้นยอดขายของคุณนะครับ!

ภาพไอคอนรูปกุญแจกำลังไขเข้าไปในกล่องสมบัติของ Shopify สื่อถึงการปลดล็อกฟีเจอร์ลับ

"ได้เวลา...อัปเกรดร้าน Shopify ของคุณให้เป็น 'เครื่องปั๊มเงิน' ที่ใครๆ ก็อิจฉา!" (บทสรุปส่งท้าย)

เป็นยังไงกันบ้างครับเพื่อนๆ เจ้าของร้าน Shopify ทุกท่าน? อ่านมาถึงตรงนี้ ผมเชื่อว่าทุกท่านคงจะ "ตื่นเต้น" และ "ได้ไอเดีย" ใหม่ๆ ในการ "ปลุกพลัง" ให้ร้านค้าออนไลน์ของตัวเอง "ขายดี" ยิ่งกว่าเดิมแล้วใช่ไหมครับ! เราได้ "เปิดกรุ" ถึง 7 ฟีเจอร์ "ลับ" ที่ซ่อนอยู่ใน Shopify ซึ่งหลายคนอาจจะ "มองข้าม" ไป แต่จริงๆ แล้วมันคือ "อาวุธชั้นดี" ที่จะช่วย "เพิ่มยอดขาย", "สร้างประสบการณ์ที่ดี" ให้กับลูกค้า, และ "ลดภาระงาน" ของคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ! ตั้งแต่ Product Recommendations อัจฉริยะ, Abandoned Cart Recovery อัตโนมัติ, Shopify Email เครื่องมือการตลาดฟรี, Discount Codes แบบเฉพาะเจาะจง, Product Tags & Filters ที่ช่วยให้ลูกค้าหาของง่าย, Shopify Inbox ที่ให้คุณคุยกับลูกค้าได้ทันที, ไปจนถึง Gift Cards ที่ช่วยเพิ่มยอดขายและดึงดูดลูกค้าใหม่

จำไว้นะครับ...หัวใจสำคัญที่สุดของการทำร้านค้าออนไลน์ให้ "ประสบความสำเร็จ" ไม่ได้อยู่ที่การมี "สินค้าเยอะที่สุด" หรือ "ราคาถูกที่สุด" เสมอไปนะครับ แต่มันอยู่ที่ "ความใส่ใจในรายละเอียด" และ "การรู้จักใช้เครื่องมือที่มีอยู่ให้เต็มศักยภาพ" เพื่อ "มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด" ให้กับลูกค้าของเรา ถ้าเราสามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า "ร้านนี้เข้าใจฉัน" "ซื้อของก็ง่าย" "มีอะไรให้ค้นพบอยู่เสมอ" และ "รู้สึกมั่นใจ" โอกาสที่เขาจะ "กลับมาซื้อซ้ำ" และ "บอกต่อ" ความประทับใจนั้น มันก็ "อยู่ไม่ไกล" แล้วล่ะครับ! แล้วร้าน Shopify ของคุณล่ะครับ...พร้อมที่จะ "ปลดปล่อยพลังที่ซ่อนเร้น" ออกมาหรือยัง? การทำความเข้าใจ เทคนิค SEO สำหรับร้าน Shopify ก็เป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยให้ลูกค้าค้นหาร้านคุณเจอได้ง่ายขึ้น

เอาล่ะครับ! "โอกาสทอง" ในโลก E-commerce มัน "รอช้าไม่ได้" แล้วนะครับ! ได้เวลา "ลงมือทำ" และ "ทดลอง" นำฟีเจอร์ลับเหล่านี้ไป "ปรับใช้" กับร้าน Shopify ของคุณ "ทันที"! อย่าปล่อยให้ "ความไม่รู้" หรือ "ความเคยชิน" แบบเดิมๆ มาเป็น "ตัวถ่วง" การเติบโตของธุรกิจคุณอีกต่อไป! ถึงเวลา "ลงทุน" กับ "ความรู้" และ "ความคิดสร้างสรรค์" เพื่อสร้าง "ความแตกต่าง" และ "ความได้เปรียบ" ที่จะทำให้ร้านของคุณ "ยืนหนึ่ง" ในตลาดได้อย่างภาคภูมิใจครับ!

อยากให้ Vision X Brain เป็น "โค้ชส่วนตัว" ช่วยคุณ "ค้นหา" และ "ปลดล็อก" ฟีเจอร์ลับทั้งหมดใน Shopify เพื่อ "ปั้นยอดขาย" ให้ร้านของคุณ "เติบโตแบบติดจรวด!" ใช่ไหมครับ? คลิกที่นี่เลย! ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ฟรี! ไม่มีข้อผูกมัด! หรือถ้าอยากทำความรู้จักกับ บริการพัฒนาและปรับแต่งร้าน Shopify และ บริการทำเว็บไซต์ E-commerce ครบวงจร ของเราให้มากขึ้น ก็แวะเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยนะครับ! เราพร้อมที่จะช่วยให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณ "ประสบความสำเร็จ" อย่างที่คุณฝันไว้ครับ!

แชร์

Recent Blog

5 เหตุผลที่บริษัทใหญ่ในไทยควรเลือก Webflow ตอนนี้เลย!

เจาะลึก 5 เหตุผลที่องค์กรชั้นนำควรย้ายมาใช้ Webflow – ความเร็วเว็บสูงกว่า WordPress 3 เท่า UX เพื่อ Conversion โครงสร้าง SEO พร้อมใช้ ลดภาระทีม IT และรองรับการเติบโตในระยะยาว

ทำ SEO บน Webflow อย่างไรให้ติดหน้าแรกภายใน 4 สัปดาห์?

เจาะลึกเทคนิคทำ SEO บน Webflow ให้ติด Google หน้าแรกภายใน 4 สัปดาห์ ใช้ได้จริงทั้งโครงสร้าง H1-H6, Slug, Meta, CMS Blog และการเพิ่ม Page Speed พร้อมตัวอย่างและคำแนะนำจากมืออาชีพ

7 ฟีเจอร์เด็ดบน Webflow ที่เจ้าของเว็บหลายคนยังไม่เคยใช้!

เจาะลึก 7 ฟีเจอร์ลับบน Webflow ที่เจ้าของเว็บมืออาชีพใช้เพิ่มยอดขายและ SEO! เช่น Webflow CMS, Animation, Zapier Integration, Client Mode และ Localization พร้อมตัวอย่างการใช้จริง