🔥 แค่ 5 นาที เปลี่ยนมุมมองได้เลย

Digital PR: สร้าง Backlink คุณภาพสูงจากสื่อใหญ่ได้อย่างไร

ยาวไป อยากเลือกอ่าน?

ทำ SEO เท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นหน้าแรก? ปัญหาที่คุณอาจมองข้ามคือ "Backlink คุณภาพต่ำ"

เคยรู้สึกแบบนี้ไหมครับ? ทั้งที่จ้างเอเจนซี่ SEO, ปรับ On-Page กันจนพรุน, เขียนบทความใหม่ทุกสัปดาห์ แต่สุดท้ายอันดับเว็บไซต์ก็ยังวนเวียนอยู่ที่หน้า 2 หรือ 3 ไม่ขยับไปไหนซักที ปล่อยให้คู่แข่งที่ดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรหวือหวา กลับยึดครองพื้นที่หน้าแรกของ Google ไปได้อย่างสบายใจ... ถ้าคุณกำลังเผชิญสถานการณ์น่าอึดอัดใจนี้อยู่ คุณไม่ได้โดดเดี่ยวครับ และ "ผู้ร้ายตัวจริง" อาจไม่ใช่คอนเทนต์ที่ไม่ดีพอ หรือ Technical SEO ที่มีปัญหา แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า "Backlink" ที่ไม่มีคุณภาพต่างหาก

ในโลกของ SEO ปี 2025 การมี Backlink เยอะๆ ไม่ได้การันตีความสำเร็จอีกต่อไปแล้วครับ Google ฉลาดขึ้นมาก มันมองหา "คุณภาพ" ไม่ใช่ "ปริมาณ" ลิงก์จากเว็บเล็กๆ หรือเว็บบล็อกที่ไม่มีใครรู้จักเป็นร้อยๆลิงก์ อาจไม่มีค่าเท่ากับลิงก์คุณภาพสูง "แค่ลิงก์เดียว" จากสื่อใหญ่ๆ หรือเว็บไซต์ข่าวที่มีความน่าเชื่อถือสูง วันนี้เราจะมาเจาะลึกกลยุทธ์ขั้นสูงที่เรียกว่า "Digital PR" ซึ่งเป็น "คำตอบสุดท้าย" ของการสร้าง Backlink คุณภาพ ที่จะช่วยส่งให้เว็บไซต์ของคุณทะยานขึ้นสู่อันดับที่คู่แข่งได้แค่มองตาม!

-- Prompt สำหรับภาพประกอบ --

ภาพกราฟิกแสดงให้เห็นคนกำลังเข็นก้อนหิน SEO ก้อนใหญ่ขึ้นภูเขาอย่างยากลำบาก แต่มีคู่แข่งอีกคนนั่งบอลลูนที่มีโลโก้สื่อใหญ่ๆ (เช่น Forbes, CNN, BBC) ลอยข้ามไปอย่างง่ายดาย สื่อถึงพลังของ Backlink คุณภาพสูง

ทำไมการสร้าง Backlink แบบเดิมๆ ถึง "ใช้ไม่ได้ผล" อีกต่อไป

หลายทีมการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจยังคงติดอยู่กับวังวนของการสร้างลิงก์แบบเก่าๆ เช่น การไปโพสต์ตามเว็บบอร์ด, การทำ Guest Post ในเว็บที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ, หรือการแลกลิงก์กันเอง ซึ่งวิธีเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะ "เหนื่อยเปล่า" แต่ยังอาจ "สร้างผลเสีย" ให้กับเว็บไซต์ของคุณในระยะยาวได้อีกด้วย เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้วิธีเหล่านี้ล้าสมัยไปแล้วก็คือ:

  • Google Algorithm ที่ฉลาดขึ้น: Google เข้าใจ "บริบท" และ "ความน่าเชื่อถือ" ของลิงก์ได้ดีขึ้นมากครับ ลิงก์ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติหรือมาจากเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้อง (Spammy Links) จะถูกลดค่าหรือแม้กระทั่งลงโทษ การทำความเข้าใจหลักการ E-E-A-T ของ Google จะช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้นว่าทำไมความน่าเชื่อถือถึงสำคัญมาก
  • ขาด "คุณค่า" ที่แท้จริง: การสร้างลิงก์แบบเก่ามักจะเน้นที่ "การขอ" เป็นหลัก เราพยายามจะไป "แปะลิงก์" ในเว็บของคนอื่น แต่ไม่ได้สร้าง "คุณค่า" อะไรที่ทำให้เขารู้สึก "อยาก" จะลิงก์หาเราจริงๆ
  • การแข่งขันที่สูงขึ้น: ทุกวันนี้ทุกธุรกิจต่างก็สร้างคอนเทนต์ การทำแค่บทความ "How-to" ธรรมดาๆ มันไม่โดดเด่นพอที่จะทำให้สื่อใหญ่ๆ หรือเว็บไซต์ที่มี Authority สูงหันมาสนใจและอ้างอิงถึงได้
  • ขาด "เรื่องราว" ที่น่าสนใจ: ธุรกิจส่วนใหญ่มักจะสื่อสารแต่เรื่อง "การขาย" (เรามีอะไรดี, สินค้าเราเจ๋งยังไง) แต่ขาดการสร้าง "เรื่องราว" หรือ "ข้อมูลเชิงลึก" ที่น่าสนใจพอที่นักข่าวหรือบรรณาธิการจะมองว่ามันเป็น "ข่าว" ที่ควรค่าแก่การนำไปเผยแพร่ต่อ

-- Prompt สำหรับภาพประกอบ --

ภาพอินโฟกราฟิกเปรียบเทียบระหว่าง "Old Way" (คนกำลังโปรยลิงก์จำนวนมากลงในถังขยะ) กับ "New Way" (คนกำลังมอบเพชรเม็ดงาม (Linkable Asset) ให้นักข่าวที่ยิ้มรับอย่างเต็มใจ)

ปล่อยไว้...ไม่ทำอะไร? นี่คือ "ต้นทุน" ที่คุณต้องจ่ายโดยไม่รู้ตัว

การเพิกเฉยต่อการสร้าง Backlink คุณภาพสูง และยังคงหวังพึ่งแต่วิธีเดิมๆ หรือการทำ On-Page SEO เพียงอย่างเดียว เปรียบเสมือนการสร้างบ้านที่สวยหรูแต่ไม่มีถนนตัดเข้าไปถึง สุดท้ายก็ไม่มีใครมองเห็นคุณค่าของมัน ผลกระทบที่ตามมานั้นรุนแรงกว่าที่คิดครับ:

  • อันดับ SEO ที่นิ่งสนิท (Stagnant Rankings): ต่อให้คอนเทนต์ดีแค่ไหน แต่ถ้าขาด "Authority" ที่มาจาก Backlink คุณภาพสูง เว็บไซต์ของคุณก็จะถูก "กด" ให้อยู่ใต้คู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ คุณจะติดอยู่บน "เกาะร้างหน้า 2" ของ Google ไปตลอดกาล
  • สูญเสียงบประมาณ SEO ไปโดยเปล่าประโยชน์: เงินที่ลงทุนไปกับการสร้างคอนเทนต์, การจ้างทีมงาน, หรือการซื้อเครื่องมือ SEO จะไม่สามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่ เพราะขาด "แรงขับเคลื่อน" ที่สำคัญที่สุดในการไต่อันดับ
  • แบรนด์ขาดความน่าเชื่อถือ: การที่แบรนด์ของคุณถูกพูดถึงหรืออ้างอิงโดยสื่อใหญ่ๆ เป็นการสร้าง "Trust Signal" หรือ สัญญาณความน่าเชื่อถือ ที่ทรงพลังที่สุดในโลกดิจิทัล หากไม่มีสิ่งนี้ ลูกค้าก็ยากที่จะเชื่อใจและตัดสินใจซื้อจากคุณ
  • เสียโอกาสทางธุรกิจมหาศาล: เมื่อคุณไม่ติดหน้าแรก นั่นหมายความว่าลูกค้าเป้าหมายกว่า 90% มองไม่เห็นคุณ พวกเขากำลังกดเข้าไปที่เว็บไซต์ของคู่แข่ง และคุณก็กำลังเสียลูกค้ากลุ่มนั้นไปในทุกๆ วัน

-- Prompt สำหรับภาพประกอบ --

ภาพแสดงกราฟอันดับ SEO ที่ดิ่งลงหรือนิ่งสนิท โดยมีไอคอนรูปเงิน, โล่ความน่าเชื่อถือ, และลูกค้า กำลังลอยหายออกไปจากกราฟนั้น

ทางออกคือ "Digital PR": เปลี่ยนจากการ "ขอ" ลิงก์ เป็นการ "สร้าง" ลิงก์ที่สื่ออยากให้

ถึงเวลาเปลี่ยนวิธีคิดครับ! เราต้องเลิกมองการสร้างลิงก์แบบ "นัก SEO" ที่พยายามจะหาช่องวางลิงก์ แต่ให้เริ่มคิดแบบ "นักประชาสัมพันธ์" ที่สร้างเรื่องราวที่น่าสนใจจนสื่อต้องวิ่งเข้ามาหาเอง นี่คือหัวใจของ Digital PR for Backlinks

Digital PR คือกระบวนการสร้างสรรค์คอนเทนต์หรือแคมเปญที่ "มีคุณค่าพอที่จะเป็นข่าว" (Newsworthy) แล้วนำเสนอเรื่องราวนั้นไปยังนักข่าว, บรรณาธิการ, หรือ Influencer ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พวกเขาพูดถึงแบรนด์และลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของเราด้วยความเต็มใจ ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่แค่ Backlink แต่คือลิงก์คุณภาพสูงจากเว็บที่มี Authority ซึ่ง Google มองว่าเป็น "คะแนนโหวต" ที่ทรงพลังที่สุด

แล้วจะเริ่มจากตรงไหน?

  1. สร้าง "สินทรัพย์ที่ลิงก์ได้" (Linkable Asset): นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด มันไม่ใช่แค่บทความธรรมดา แต่เป็นคอนเทนต์ที่ "หาจากที่อื่นไม่ได้" เช่น
    • งานวิจัย/ผลสำรวจออริจินัล: เช่น "ผลสำรวจพฤติกรรมการทำงานแบบ Hybrid ของคนกรุงเทพฯ ปี 2025"
    • เครื่องมือ/Template ฟรี: เช่น "เครื่องคำนวณผ่อนบ้านอัจฉริยะ" หรือ "Template แผนการตลาดฟรี"
    • อินโฟกราฟิก/Data Visualization: นำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายและสวยงาม
    • Case Study เชิงลึก: แสดงผลลัพธ์ที่จับต้องได้ของลูกค้าที่ใช้บริการของคุณ
  2. ค้นหากลุ่มเป้าหมายสื่อ (Media Prospecting): หาว่านักข่าวคนไหน, สื่อสำนักไหน, หรือบล็อกเกอร์คนใดที่เขียนข่าวในอุตสาหกรรมของคุณ
  3. สร้างเรื่องราวและนำเสนอ (Storytelling & Pitching): นำ Linkable Asset ของคุณมาสร้างเป็น "ประเด็นข่าว" ที่น่าสนใจ และส่งอีเมลนำเสนอ (Pitch) ไปยังสื่อเป้าหมายอย่างมืออาชีพและตรงประเด็น
  4. ใช้เครื่องมือทุ่นแรง: แพลตฟอร์มอย่าง HARO (Help a Reporter Out) เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมที่คุณสามารถเข้าไป "ตอบคำถามนักข่าว" เพื่อแลกกับการถูกอ้างอิงและได้รับ Backlink กลับมา

-- Prompt สำหรับภาพประกอบ --

ภาพอินโฟกราฟิกสวยงาม แสดง 4 ขั้นตอนของ Digital PR: 1. ไอคอนหลอดไฟ (Idea/Asset), 2. ไอคอนเป้าธนู (Target Media), 3. ไอคอนอีเมล (Pitching), 4. ไอคอนโทรโข่ง (Media Coverage)

ตัวอย่างจากของจริง: เมื่อบริษัท Tech เล็กๆ ได้ลงสื่อใหญ่ด้วยข้อมูลชุดเดียว

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ลองดูเรื่องราวสมมติของบริษัท "DataDriven" ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน MarTech ที่ยังไม่มีใครรู้จัก

ปัญหา: แม้จะมีผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่เว็บไซต์ของ DataDriven มี Traffic น้อยมาก อันดับ SEO ไม่ขยับ และไม่มีใครรู้จักพวกเขาในวงกว้าง พวกเขาจึงไม่สามารถแข่งขันกับเจ้าตลาดได้เลย

วิธีแก้ (Digital PR): แทนที่จะไปทำ Guest Post ที่ไหนก็ได้ ทีมงานตัดสินใจสร้าง "Linkable Asset" ชิ้นโบแดงขึ้นมา พวกเขาทำการสำรวจนักการตลาดกว่า 500 คนในไทย แล้วเผยแพร่รายงานในชื่อ "ผลสำรวจช็อกวงการ: 75% ของนักการตลาดไทยยอมรับว่า 'หมดไฟ' กับการตามเทรนด์ใหม่ๆ และนี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการ" รายงานนี้เต็มไปด้วยข้อมูลเชิงลึก, กราฟที่เข้าใจง่าย และคำพูดจริงๆ จากผู้ตอบแบบสอบถาม

การนำเสนอและผลลัพธ์: ทีมงานไม่ได้แค่โพสต์รายงานลงบล็อก แต่ได้ร่าง Pitch Email ที่น่าสนใจและส่งไปยังบรรณาธิการข่าวธุรกิจและเทคโนโลยีโดยเฉพาะ โดยพาดหัวว่า "ข้อมูลวงใน: เผยสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้นักการตลาดไทยหมดไฟ" เพียงไม่กี่สัปดาห์ เรื่องราวของพวกเขาก็ถูกนำไปเขียนเป็นบทความในเว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยีชื่อดัง พร้อมให้เครดิตและ "Backlink" กลับมายังหน้ารายงานฉบับเต็มบนเว็บของ DataDriven

ผลกระทบที่เกิดขึ้น:

  • ได้ Backlink คุณภาพสูงสุด 3 ลิงก์ จากสื่อข่าวและบล็อกเทคโนโลยีชั้นนำ
  • Organic Traffic เพิ่มขึ้น 400% ภายใน 2 เดือน
  • อันดับคีย์เวิร์ดหลัก พุ่งขึ้นสู่หน้าแรกของ Google
  • แบรนด์ถูกมองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ในวงการทันที ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ ภาพลักษณ์ของแบรนด์องค์กร และสร้างโอกาสทางธุรกิจมหาศาล

-- Prompt สำหรับภาพประกอบ --

ภาพ Before/After ของบริษัท DataDriven | Before: กราฟ Traffic ราบเรียบ, โลโก้บริษัทดูเล็กและไม่มีใครสนใจ | After: กราฟ Traffic พุ่งสูงขึ้น, มีโลโก้สื่อใหญ่ๆ ล้อมรอบโลโก้บริษัทที่ดูโดดเด่นและน่าเชื่อถือ

อยากทำตามต้องทำยังไง? Checklist การทำ Digital PR ที่ใช้ได้ทันที

อ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงเห็นพลังของ Digital PR แล้วใช่ไหมครับ? ข่าวดีคือคุณเองก็สามารถเริ่มต้นได้ทันที ลองทำตาม Checklist นี้ได้เลย:

ขั้นตอนที่ 1: ระดมสมองหา "Big Idea"

  • ถามตัวเองว่า "มีคำถามอะไรในวงการของเราที่ยังไม่มีใครตอบด้วย 'ข้อมูล'?"
  • เรามีข้อมูลดิบ (Raw Data) อะไรในมือที่สามารถนำมาวิเคราะห์และสร้างเป็นเรื่องราวได้บ้าง?
  • เราสามารถทำแบบสำรวจอะไรง่ายๆ ที่จะให้ผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจได้บ้าง?

ขั้นตอนที่ 2: สร้าง "Linkable Asset" ของคุณให้ดีที่สุด

  • ลงมือทำตามไอเดียที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นรายงาน, แบบสำรวจ, หรือเครื่องมือฟรี
  • ออกแบบให้น่าสนใจ สวยงาม และใช้งานง่าย ทำให้มันเป็นคอนเทนต์ที่ดีที่สุดในหัวข้อนั้นๆ บนอินเทอร์เน็ต นี่คือแก่นสำคัญของ การทำ Content Marketing สำหรับ B2B ที่เน้นสร้างคุณค่า

ขั้นตอนที่ 3: สร้าง Media List เฉพาะกิจ

  • ใช้ Google ค้นหา "นักข่าวสายธุรกิจ", "บรรณาธิการข่าวดิจิทัล" หรือค้นหาบน LinkedIn
  • ลิสต์รายชื่อสื่อ, ชื่อนักข่าว, และอีเมลติดต่อเอาไว้ประมาณ 20-30 รายชื่อที่มีแนวโน้มจะสนใจเรื่องของคุณมากที่สุด

ขั้นตอนที่ 4: เขียน Pitch Email ที่ "เปิดอ่านแน่นอน"

  • หัวเรื่อง (Subject): ต้องน่าสนใจและไม่ดูเหมือนสแปม เช่น "ข้อมูลพิเศษ: เผยเทรนด์ [อุตสาหกรรมของคุณ] ที่ยังไม่มีใครพูดถึง"
  • เนื้อหา:
    • ทักทายโดยเอ่ยชื่อนักข่าว (Personalize)
    • เข้าเรื่องทันที บอกว่าคุณมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจสำหรับ "ผู้อ่านของเขา"
    • สรุป Key Finding ที่เด็ดที่สุด 1-2 ข้อเป็น Bullet point
    • แนบลิงก์ไปยัง Linkable Asset ของคุณ
    • จบแบบง่ายๆ โดยเสนอตัวให้ข้อมูลเพิ่มเติม ไม่ใช่การขอร้องให้ลงข่าว

ขั้นตอนที่ 5: ติดตามผลอย่างสุภาพ (Follow-up)

  • หากผ่านไป 1 สัปดาห์แล้วยังเงียบอยู่ ให้ส่งอีเมล Follow-up ไปอีกครั้งอย่างสุภาพ อาจจะแค่ถามว่าได้รับอีเมลก่อนหน้าหรือไม่และเสนอความช่วยเหลือเพิ่มเติม และทำเพียงครั้งเดียวพอครับ

-- Prompt สำหรับภาพประกอบ --

ภาพ Checklist ที่มี 5 ข้อ พร้อมไอคอนประกอบที่เข้าใจง่าย (หลอดไฟ, เอกสาร, สมุดรายชื่อ, อีเมล, นาฬิกา) ผู้อ่านสามารถดูแล้วเข้าใจขั้นตอนได้ทันที

คำถามที่คนมักสงสัยเกี่ยวกับการทำ Digital PR

ผมได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยจากทีมการตลาดและเจ้าของธุรกิจมาตอบให้เคลียร์ตรงนี้ครับ

Q1: บริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก จะมีสื่อที่ไหนมาสนใจ?
A: สนใจแน่นอนครับ! นักข่าวไม่ได้มองหา "แบรนด์ที่ดัง" แต่มองหา "เรื่องราวที่ดี" (Good Story) และ "ข้อมูลที่น่าสนใจ" (Interesting Data) ถ้า Linkable Asset ของคุณมีคุณภาพและตอบโจทย์นี้ได้ ต่อให้คุณเป็นบริษัทที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวาน ก็มีโอกาสได้ลงสื่อใหญ่ๆ เช่นกันครับ

Q2: การทำ Digital PR ต้องใช้งบประมาณเยอะไหม?
A: ไม่จำเป็นเสมอไปครับ ต้นทุนที่สำคัญที่สุดคือ "เวลา" และ "ความคิดสร้างสรรค์" ในการสร้าง Linkable Asset คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการทำแบบสำรวจผ่าน Google Forms หรือวิเคราะห์ข้อมูลที่คุณมีอยู่แล้ว ส่วนการเผยแพร่ผ่านบริการอย่าง PR Newswire เป็นเพียง "ทางเลือก" สำหรับบริษัทที่มีงบประมาณและต้องการกระจายข่าวในวงกว้างเท่านั้น

Q3: ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผลลัพธ์?
A: Digital PR เป็นกลยุทธ์ระยะยาว (Long-term Strategy) ไม่ใช่ทางลัด อาจใช้เวลา 3-6 เดือนในการสร้าง Asset, Pitch และได้ Backlink แรกกลับมา แต่ลิงก์คุณภาพสูงเพียงลิงก์เดียวที่ได้มานั้น สามารถส่งผลต่อ SEO ได้ยาวนานเป็นปีๆ และมีพลังมากกว่าลิงก์คุณภาพต่ำหลายร้อยลิงก์รวมกัน

Q4: Digital PR กับ SEO เกี่ยวข้องกันยังไง?
A: ทั้งสองอย่างทำงานเสริมกันครับ SEO เปรียบเหมือนการ "สร้างบ้าน" ให้น่าอยู่และแข็งแรง (On-Page, Technical) ส่วน Digital PR เปรียบเหมือนการ "สร้างถนนและสะพาน" (Off-Page, Backlinks, Authority) ที่ทำให้คนและ Google วิ่งเข้ามาที่บ้านของคุณได้ การมีบ้านที่สวยอย่างเดียวแต่ไม่มีใครรู้จัก ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรครับ การทำความเข้าใจ หลักการ E-E-A-T จะทำให้คุณเห็นว่า Authority ที่ได้จาก Digital PR คือหนึ่งในหัวใจสำคัญของ SEO สมัยใหม่

-- Prompt สำหรับภาพประกอบ --

ภาพไอคอนรูปคนกำลังครุ่นคิดพร้อมเครื่องหมายคำถาม โดยมีคำตอบที่ชัดเจนปรากฏขึ้นมาในกรอบคำพูดข้างๆ

สรุป: หยุดสร้างลิงก์ที่ไร้ค่า แล้วหันมาสร้าง "สินทรัพย์" ที่สื่อต้องการ

โลกของ SEO เปลี่ยนไปแล้วครับ การไล่ตาม "จำนวน" Backlink เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ไม่ได้ผลและเสียเวลา หัวใจสำคัญของการไต่อันดับในปี 2025 และปีต่อๆ ไป คือการสร้าง "ความน่าเชื่อถือ" (Authority & Trust) และวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างสิ่งนี้ก็คือการได้รับ Backlink คุณภาพสูงจากสื่อที่เชื่อถือได้ผ่านกลยุทธ์ "Digital PR"

จำไว้ว่า...เราต้องเปลี่ยนจากการเป็น "ผู้ขอ" ที่น่ารำคาญ ไปสู่การเป็น "ผู้ให้" ที่มีคุณค่า สร้างคอนเทนต์ที่ไม่ใช่แค่ดี แต่ต้องดีพอที่จะเป็น "ข่าว" สร้างข้อมูลที่นักข่าวต้องนำไปอ้างอิง สร้างเรื่องราวที่สื่ออยากเล่าต่อ เมื่อคุณทำได้ถึงจุดนั้น Backlink คุณภาพสูงจะหลั่งไหลเข้ามาหาคุณเองโดยไม่ต้องร้องขอ และนั่นคือวันที่เกม SEO จะเปลี่ยนไปเป็นของคุณอย่างแท้จริง

ถึงเวลาแล้วครับที่จะลงมือทำ! ลองถามตัวเองวันนี้เลยว่า "อะไรคือข้อมูลเชิงลึกที่เรามี ที่ยังไม่มีใครเคยเล่า?" เริ่มต้นจากคำถามนั้น แล้วสร้าง "Linkable Asset" ชิ้นแรกของคุณขึ้นมา อย่าปล่อยให้เว็บไซต์ของคุณถูกทิ้งไว้ที่หลังคู่แข่งอีกต่อไป ถึงเวลาสร้างความเปลี่ยนแปลงที่วัดผลได้จริงแล้วครับ!

หากคุณต้องการสร้างเว็บไซต์องค์กรที่แข็งแกร่ง มีโครงสร้างที่พร้อมรองรับการทำ Content Marketing และ Digital PR เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเว็บไซต์องค์กรของเราได้ฟรี! เราพร้อมที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จครับ

-- Prompt สำหรับภาพประกอบ --

ภาพที่สร้างแรงบันดาลใจ แสดงคนคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนยอดภูเขา มองดูพระอาทิตย์ขึ้น โดยที่พื้นของยอดเขามีโลโก้ของแบรนด์ตัวเองปักอยู่ และมีเส้นทาง Backlink คุณภาพสูงทอดยาวมาจากสื่อต่างๆ ด้านล่าง

แชร์

Recent Blog

Google Search Console: ใช้ข้อมูลอย่างไรให้เป็นประโยชน์สูงสุดกับ SEO

เจาะลึกรายงานต่างๆ ใน Google Search Console ที่นักการตลาดต้องดู เช่น Performance, Coverage, Core Web Vitals และวิธีนำข้อมูลมาปรับปรุงเว็บไซต์

สร้างเว็บสองภาษา (Bilingual) บน Webflow: ตัวเลือกและวิธีที่ดีที่สุด

เปรียบเทียบวิธีสร้างเว็บสองภาษาบน Webflow ระหว่างการใช้ Weglot, การทำหลายโฟลเดอร์, และวิธีอื่นๆ พร้อมข้อดีข้อเสียเพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้อง

Content Pruning: ตัดแต่งคอนเทนต์เก่าอย่างไรให้ SEO โดยรวมดีขึ้น

คู่มือการทำ Content Pruning หรือการ 'ตัดแต่ง' คอนเทนต์เก่าที่ไม่มีคุณภาพ (Low-performing content) ออกจากเว็บ เพื่อเพิ่ม Crawl Budget และดันให้คอนเทนต์ที่ดีมีอันดับสูงขึ้น