ถ้าดูต้นทุน 12 เดือนแบบธุรกิจ: Webflow มักคุ้มกว่าเพราะราคาโฮสติ้ง/ฟีเจอร์คงที่ ดูแลง่าย ความเสี่ยงอัปเดตต่ำ ส่วน WordPress เริ่มต้นถูกกว่าแต่ TCO เพิ่มจากโฮสติ้ง ปลั๊กอินพรีเมียม งานอัปเดต/ความปลอดภัย และเวลาทีมที่ใช้บำรุงรักษา.
สรุปเร็ว: เลือกอะไรเมื่อมอง TCO ระยะยาว?
- Webflow — ราคาโฮสติ้ง/สิทธิ์ทีมชัด (ดู Webflow Pricing) ดูแลง่าย ลดความเสี่ยงจากปลั๊กอิน
- WordPress (self-host) — ยืดหยุ่นสูง แต่ต้องบริหารโฮสติ้ง/ปลั๊กอิน/อัปเดต/ความปลอดภัยสม่ำเสมอ (ดู Hardening WordPress)
ตารางเปรียบเทียบต้นทุนรวม (ตัวอย่างระยะ 12 เดือน)
หมวดค่าใช้จ่าย |
Webflow |
WordPress (self-host) |
ข้อสังเกต/อ้างอิง |
โฮสติ้ง/แผนเว็บไซต์ |
คิดตามแผนรายเดือน/ปีแบบคงที่ |
ค่าฮาร์ดแวร์/แผนโฮสต์ต่างหาก |
Webflow Pricing, WordPress.org Hosting |
SSL/CDN/สำรองข้อมูล |
รวมมากับแพลตฟอร์ม |
ขึ้นกับผู้ให้บริการ/ปลั๊กอิน |
เงื่อนไขแตกต่างตามผู้ให้บริการ |
ปลั๊กอิน/ฟีเจอร์เพิ่ม |
ใช้โค้ด/อินทิเกรตเป็นจุด ๆ |
ปลั๊กอินพรีเมียมหลายตัวมีรายปี |
ตัวอย่างค่าใช้จ่าย: WooCommerce Pricing Guide |
อัปเดต/ความปลอดภัย |
แพลตฟอร์มจัดการส่วนใหญ่ให้ |
ต้องอัปเดต core/ธีม/ปลั๊กอินและฮาร์เดนระบบ |
WP Security Guide, Managing Updates |
ประสิทธิภาพ (CWV) |
ธีม/สคริปต์ควบคุมง่ายกว่า |
ขึ้นกับธีม/ปลั๊กอิน/โฮสต์ ต้องจูน |
Core Web Vitals |
หลายภาษา/สิทธิ์ทีม |
เวิร์กโฟลว์ชัด บทบาท/การอนุมัติทำได้ง่าย |
ยืดหยุ่นสูง แต่ต้องคุม ACL/ปลั๊กอิน |
ขึ้นกับการตั้งค่าของแต่ละทีม |
เวลาทีม (ค่าเสียโอกาส) |
ใช้เวลาบำรุงรักษาน้อยกว่า |
ต้องเผื่อเวลาสำหรับอัปเดต/แก้ปัญหา |
ประเมินเป็นชั่วโมงคน/เดือน |
สูตรคำนวณ TCO 12 เดือน (คัดลอกใช้ได้)
TCO = โฮสติ้ง/แผน + ปลั๊กอินพรีเมียม + งานอัปเดต/ความปลอดภัย + ค่า Dev ที่ปรับแต่ง + เวลาองค์กร (ชั่วโมงคน × อัตรา) + ค่าเครื่องมือ/มอนิเตอร์
เช็กลิสต์ตัดสินใจ (10 นาที)
- มีทรัพยากรใครดูแลอัปเดต/ความปลอดภัย WordPress ไหม? ถ้าไม่ → เอนเอียง Webflow
- ฟีเจอร์ที่ต้องใช้ต้องอาศัยปลั๊กอินหลายตัวหรือไม่? ถ้าใช่ → ประเมินค่ารายปีให้ครบ
- เพจรายได้หลักผ่านเกณฑ์ Core Web Vitals หรือยัง? ถ้ายัง → คิดค่าแก้/เวลาทีมเพิ่ม
- ต้องการเวิร์กโฟลว์/สิทธิ์ทีม/หลายภาษาแบบคุมง่าย → ให้คะแนน Webflow เพิ่ม
กรณีไหน “คุ้มกว่า”
- Webflow คุ้ม เมื่อทีมเล็ก, ต้องการเวลาบำรุงน้อย, ต้องการเสถียรภาพ/ความเร็ว และฟีเจอร์ไม่พึ่งปลั๊กอินจำนวนมาก
- WordPress คุ้ม เมื่อมีทีม Dev/ดูแลความปลอดภัยสม่ำเสมอ ต้องการปรับแต่งลึก/ปลั๊กอินเฉพาะทาง และคุมกระบวนการอัปเดตได้
อ้างอิงมาตรฐาน/แหล่งข้อมูลทางการ
How-to: ประเมิน TCO ให้จบใน 15 นาที
- รวบรวมต้นทุน 12 เดือน: โฮสติ้ง/แผน + ปลั๊กอิน + งานอัปเดต/ความปลอดภัย + ชั่วโมงทีม + เครื่องมือ
- วัดประสิทธิภาพ เพจรายได้หลักในมือถือ (ดู CWV) แล้วตั้งงบแก้ (ถ้ามี)
- เทียบ 2 ฉากทัศน์ Webflow vs WordPress ด้วยสูตร TCO เดียวกัน
- เลือกจากความเสี่ยง ดู Bus factor/เวลาทีม/ความต่อเนื่องระยะยาว
- ล็อกแผน ทำ SLA/แผนบำรุงรักษาและงบรายปี
บริการที่เกี่ยวข้อง (Internal Links)
อ่านต่อ (บทความที่เกี่ยวข้อง)
FAQ (People Also Ask)
ทำไม Webflow มักคุ้มกว่าในระยะยาว?
เพราะราคาโฮสติ้ง/ฟีเจอร์คงที่และบำรุงรักษาต่ำ ลดความเสี่ยงจากปลั๊กอิน/อัปเดตบ่อย
จะคุมต้นทุน WordPress ยังไง?
ใช้น้อยปลั๊กอิน เลือกโฮสต์ที่มีจัดการอัปเดต/สำรองอัตโนมัติ วางตารางแพตช์ความปลอดภัย และทดสอบก่อนอัปเดต
ถ้าเว็บมี E-commerce ล่ะ?
ประเมินค่าแอป/ปลั๊กอินรายปีและค่าธรรมเนียมธุรกรรม แล้วเทียบกับรายได้/เวลาทีมที่ต้องดูแล
อัปเดตล่าสุด: 09 Aug 2025
เกี่ยวกับผู้เขียน
Vision X Brain Team — ทีม Webflow/UX/UI/Technical SEO & Performance ที่ทำเว็บเร็ว ใช้งานง่าย และวัดผลได้จริง อ้างอิงแนวปฏิบัติจาก
Webflow,
WordPress Developer, และ
web.dev
อยากสรุป TCO แล้วตัดสินใจบนข้อมูลจริง?
เริ่มด้วย Website TCO & ROI Audit + Roadmap 30 วัน ดู
บริการ Webflow หรือ
บริการรีโนเวตเว็บ