🔥 แค่ 5 นาที เปลี่ยนมุมมองได้เลย

Webflow vs WordPress: เทียบต้นทุนรวม (TCO) ระยะยาว อะไรคุ้มกว่า? | Vision X Brain

ยาวไป อยากเลือกอ่าน?

ถ้าดูต้นทุน 12 เดือนแบบธุรกิจ: Webflow มักคุ้มกว่าเพราะราคาโฮสติ้ง/ฟีเจอร์คงที่ ดูแลง่าย ความเสี่ยงอัปเดตต่ำ ส่วน WordPress เริ่มต้นถูกกว่าแต่ TCO เพิ่มจากโฮสติ้ง ปลั๊กอินพรีเมียม งานอัปเดต/ความปลอดภัย และเวลาทีมที่ใช้บำรุงรักษา.

สรุปเร็ว: เลือกอะไรเมื่อมอง TCO ระยะยาว?

  • Webflow — ราคาโฮสติ้ง/สิทธิ์ทีมชัด (ดู Webflow Pricing) ดูแลง่าย ลดความเสี่ยงจากปลั๊กอิน
  • WordPress (self-host) — ยืดหยุ่นสูง แต่ต้องบริหารโฮสติ้ง/ปลั๊กอิน/อัปเดต/ความปลอดภัยสม่ำเสมอ (ดู Hardening WordPress)

ตารางเปรียบเทียบต้นทุนรวม (ตัวอย่างระยะ 12 เดือน)

หมวดค่าใช้จ่าย Webflow WordPress (self-host) ข้อสังเกต/อ้างอิง
โฮสติ้ง/แผนเว็บไซต์ คิดตามแผนรายเดือน/ปีแบบคงที่ ค่าฮาร์ดแวร์/แผนโฮสต์ต่างหาก Webflow Pricing, WordPress.org Hosting
SSL/CDN/สำรองข้อมูล รวมมากับแพลตฟอร์ม ขึ้นกับผู้ให้บริการ/ปลั๊กอิน เงื่อนไขแตกต่างตามผู้ให้บริการ
ปลั๊กอิน/ฟีเจอร์เพิ่ม ใช้โค้ด/อินทิเกรตเป็นจุด ๆ ปลั๊กอินพรีเมียมหลายตัวมีรายปี ตัวอย่างค่าใช้จ่าย: WooCommerce Pricing Guide
อัปเดต/ความปลอดภัย แพลตฟอร์มจัดการส่วนใหญ่ให้ ต้องอัปเดต core/ธีม/ปลั๊กอินและฮาร์เดนระบบ WP Security Guide, Managing Updates
ประสิทธิภาพ (CWV) ธีม/สคริปต์ควบคุมง่ายกว่า ขึ้นกับธีม/ปลั๊กอิน/โฮสต์ ต้องจูน Core Web Vitals
หลายภาษา/สิทธิ์ทีม เวิร์กโฟลว์ชัด บทบาท/การอนุมัติทำได้ง่าย ยืดหยุ่นสูง แต่ต้องคุม ACL/ปลั๊กอิน ขึ้นกับการตั้งค่าของแต่ละทีม
เวลาทีม (ค่าเสียโอกาส) ใช้เวลาบำรุงรักษาน้อยกว่า ต้องเผื่อเวลาสำหรับอัปเดต/แก้ปัญหา ประเมินเป็นชั่วโมงคน/เดือน

สูตรคำนวณ TCO 12 เดือน (คัดลอกใช้ได้)

TCO = โฮสติ้ง/แผน + ปลั๊กอินพรีเมียม + งานอัปเดต/ความปลอดภัย + ค่า Dev ที่ปรับแต่ง + เวลาองค์กร (ชั่วโมงคน × อัตรา) + ค่าเครื่องมือ/มอนิเตอร์

เช็กลิสต์ตัดสินใจ (10 นาที)

  • มีทรัพยากรใครดูแลอัปเดต/ความปลอดภัย WordPress ไหม? ถ้าไม่ → เอนเอียง Webflow
  • ฟีเจอร์ที่ต้องใช้ต้องอาศัยปลั๊กอินหลายตัวหรือไม่? ถ้าใช่ → ประเมินค่ารายปีให้ครบ
  • เพจรายได้หลักผ่านเกณฑ์ Core Web Vitals หรือยัง? ถ้ายัง → คิดค่าแก้/เวลาทีมเพิ่ม
  • ต้องการเวิร์กโฟลว์/สิทธิ์ทีม/หลายภาษาแบบคุมง่าย → ให้คะแนน Webflow เพิ่ม

กรณีไหน “คุ้มกว่า”

  • Webflow คุ้ม เมื่อทีมเล็ก, ต้องการเวลาบำรุงน้อย, ต้องการเสถียรภาพ/ความเร็ว และฟีเจอร์ไม่พึ่งปลั๊กอินจำนวนมาก
  • WordPress คุ้ม เมื่อมีทีม Dev/ดูแลความปลอดภัยสม่ำเสมอ ต้องการปรับแต่งลึก/ปลั๊กอินเฉพาะทาง และคุมกระบวนการอัปเดตได้

อ้างอิงมาตรฐาน/แหล่งข้อมูลทางการ

How-to: ประเมิน TCO ให้จบใน 15 นาที

  1. รวบรวมต้นทุน 12 เดือน: โฮสติ้ง/แผน + ปลั๊กอิน + งานอัปเดต/ความปลอดภัย + ชั่วโมงทีม + เครื่องมือ
  2. วัดประสิทธิภาพ เพจรายได้หลักในมือถือ (ดู CWV) แล้วตั้งงบแก้ (ถ้ามี)
  3. เทียบ 2 ฉากทัศน์ Webflow vs WordPress ด้วยสูตร TCO เดียวกัน
  4. เลือกจากความเสี่ยง ดู Bus factor/เวลาทีม/ความต่อเนื่องระยะยาว
  5. ล็อกแผน ทำ SLA/แผนบำรุงรักษาและงบรายปี

บริการที่เกี่ยวข้อง (Internal Links)

อ่านต่อ (บทความที่เกี่ยวข้อง)

FAQ (People Also Ask)

ทำไม Webflow มักคุ้มกว่าในระยะยาว?
เพราะราคาโฮสติ้ง/ฟีเจอร์คงที่และบำรุงรักษาต่ำ ลดความเสี่ยงจากปลั๊กอิน/อัปเดตบ่อย

จะคุมต้นทุน WordPress ยังไง?
ใช้น้อยปลั๊กอิน เลือกโฮสต์ที่มีจัดการอัปเดต/สำรองอัตโนมัติ วางตารางแพตช์ความปลอดภัย และทดสอบก่อนอัปเดต

ถ้าเว็บมี E-commerce ล่ะ?
ประเมินค่าแอป/ปลั๊กอินรายปีและค่าธรรมเนียมธุรกรรม แล้วเทียบกับรายได้/เวลาทีมที่ต้องดูแล

อัปเดตล่าสุด: 09 Aug 2025


เกี่ยวกับผู้เขียน

Vision X Brain Team — ทีม Webflow/UX/UI/Technical SEO & Performance ที่ทำเว็บเร็ว ใช้งานง่าย และวัดผลได้จริง อ้างอิงแนวปฏิบัติจาก Webflow, WordPress Developer, และ web.dev


อยากสรุป TCO แล้วตัดสินใจบนข้อมูลจริง?

เริ่มด้วย Website TCO & ROI Audit + Roadmap 30 วัน ดู บริการ Webflow หรือ บริการรีโนเวตเว็บ

แชร์

Recent Blog

Mobile-First Indexing คู่มือครบ: ตั้งค่าให้เว็บติดอันดับ (อัปเดต 2025)

คู่มือ Mobile-First Indexing สำหรับทีมการตลาด/เว็บ: อธิบายหลักการ Mobile-first ของ Google, เช็กลิสต์ความเท่าเทียมระหว่างเดสก์ท็อป–มือถือ (content/สคีมา/เมตา/สื่อ), ปัญหาพบบ่อย, วิธีทดสอบใน GSC และแผนแก้ไข 7 ขั้น พร้อมลิงก์มาตรฐานอ้างอิง

SEO สำหรับบริษัทเช่าเครื่องจักรก่อสร้าง: คู่มือ Local SEO 2025

คู่มือ SEO สำหรับธุรกิจเช่าเครื่องจักรก่อสร้าง (แบคโฮ เครน รถขุด ฯลฯ) เน้นโครงคอนเทนต์ตาม “บริการ × พื้นที่”, ปรับ Google Business Profile/รีวิว, ใส่สคีมาท้องถิ่น, เร่งความเร็วตาม Core Web Vitals และวัดผล GA4 พร้อมแผน 30 วันลงมือได้จริง

PWA สำหรับ eCommerce: เร็ว ติดตั้งได้ เพิ่มยอดขาย (อัปเดต 2025)

สรุปวิธีทำ eCommerce ให้ “เร็ว ติดตั้งได้ และคอนเวิร์ตสูง” ด้วย PWA: โครงสร้างเทคนิคที่จำเป็น (Manifest/Service Worker), กลยุทธ์แคชช็อป, Web Push/Payment Request, ตัวอย่างโค้ด + Workbox, ตารางเทียบผลกระทบต่อ KPI และแผนเปิดตัว 14 วัน