Webflow คืออะไร?
เครื่องมือทำเว็บไซต์

Webflow คืออะไร? ทำไมไม่ใช้ Wordpress

Webflow คืออะไร?
# นาทีในการอ่าน
Webflow คืออะไร?
May 12, 2024
Webflow คืออะไร?
Tanakit Chaithip
Founder at Vision x Brain
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร? ทำไมไม่ใช้ Wordpress
Webflow คืออะไร?
บทความภาษาไทย
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
Webflow คืออะไร?
รับทำเว็บไซต์

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนอ่านบทความนี้?

ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดในการใช้ Webflow หรือไม่?

ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดในการใช้ Webflow เพราะมีระบบ visual ที่ใช้งานง่าย แต่หากมีพื้นฐานด้านการเขียนโค้ดบ้างจะช่วยให้ใช้งานได้คล่องขึ้น

Webflow เหมาะกับเว็บไซต์ประเภทไหนบ้าง?

Webflow เหมาะกับเว็บไซต์หลากหลายประเภท ตั้งแต่เว็บไซต์ธุรกิจ, พอร์ตโฟลิโอ, บล็อก, Ecommerce ไปจนถึงเว็บแอปพลิเคชันต่างๆ

ค่าใช้จ่ายในการสร้างเว็บไซต์ด้วย Webflow เป็นอย่างไร?

Webflow มีแพ็กเกจให้เลือกใช้งานหลายระดับ ตั้งแต่ฟรีไปจนถึงแบบเสียค่าบริการรายเดือน โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามฟีเจอร์และทรัพยากรที่ได้รับ

ยาวไปอยากเลือกอ่าน

ประสบการณ์การใช้งาน Webflow และ Wordpress ในมุมมองของการได้ลองใช้จริงทั้ง 2 เครื่องมือ จากประสบการณ์การทำเว็บไซต์ให้กับลูกค้ามากกว่า 50 ราย ตั้งแต่งบประมาณหลักแสนจนถึงหลักล้าน ผมคิดว่าทั้ง Webflow และ Wordpress ต่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและความถนัดของแต่ละคน

Wordpress นั้นเริ่มต้นมาจากการเป็นแพลตฟอร์มสำหรับเขียนบล็อก แต่ปัจจุบันได้พัฒนาไปไกลมาก สามารถปรับแต่งให้เป็นระบบที่ซับซ้อนได้ตามต้องการ แม้กระทั่งทำ e-commerce หรือเชื่อมต่อ API ขั้นสูงก็ทำได้ แต่ข้อเสียคือต้องพึ่งพา Plugin ต่างๆ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรายปี และการใช้ Third-party หลายตัวอาจทำให้เว็บไซต์ช้าลง ส่งผลเสียต่อ Pagespeed ได้ การทำให้ Wordpress ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อาจต้องใช้วิธี Headless CMS ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญพอสมควร และยังมีข้อจำกัดในการออกแบบ Interaction อีกด้วย

ในทางกลับกัน Webflow นั้นให้อิสระในการออกแบบได้อย่างเต็มที่ สามารถทำได้ตามที่เราต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพา Plugin ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง และลดค่าใช้จ่ายรายปีได้ ในแง่ของ Pagespeed และ SEO นั้น Webflow ทำได้ดีมาก จะเห็นได้จากเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Awwwards.com และเว็บไซต์ของ Apple เองก็ใช้ Webflow ในการพัฒนา แต่ค่าใช้จ่ายหลักของ Webflow จะอยู่ที่ค่าโฮสต์รายเดือน

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ เรื่องของความมั่นคงในการทำงานจริง กับ Wordpress เราต้องเลือกใช้โฮสต์ที่น่าเชื่อถือ เช่น AWS หรือ Digital Ocean แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดปัญหาลูกค้าลืมชำระค่าเซิร์ฟเวอร์ หากเราชะล่าใจไม่ชำระยอดค้างทางผู้ให้บริการอาจลบข้อมูลทิ้งทันที แต่กับ Webflow ถึงแม้จะลืมจ่ายค่าเซิร์ฟเวอร์ไป 3 ปี เพียงแค่ล็อกอินเข้ามาชำระเงิน เว็บไซต์ก็จะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม ที่สำคัญคือมีการ Backup แบบ Real-time ด้วย

Webflow และ Wordpress เป็นสองแพลตฟอร์มยอดนิยมในการสร้างเว็บไซต์ที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ Webflow ว่าคืออะไร และเหตุผลที่ทำไมหลายคนถึงเลือกใช้ Webflow แทน Wordpress

Webflow คืออะไร?

Webflow เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามและใช้งานได้จริงโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด ด้วยระบบ visual drag-and-drop ที่ใช้งานง่าย ทำให้ผู้ใช้สามารถออกแบบหน้าเว็บได้อย่างอิสระและเห็นผลลัพธ์แบบเรียลไทม์ Webflow ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ครบครันสำหรับการสร้างเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นระบบ CMS, Ecommerce, Animations และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้สามารถสร้างเว็บไซต์ได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการ

ทำไมถึงเลือกใช้ Webflow แทน Wordpress?

แม้ว่า Wordpress จะเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ก็มีข้อจำกัดหลายประการที่ทำให้หลายคนหันมาใช้ Webflow แทน ได้แก่

  • Wordpress ต้องพึ่งพา Plugins จำนวนมากในการเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เว็บไซต์ทำงานช้าลง ในขณะที่ Webflow มีฟีเจอร์ Built-in ที่ครบครัน
  • การออกแบบหน้าเว็บใน Wordpress มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก ต้องใช้ทักษะการเขียนโค้ดในการปรับแต่ง ในขณะที่ Webflow ให้อิสระในการออกแบบได้เต็มที่ผ่านระบบ visual
  • Wordpress มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสูงกว่า เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มโอเพนซอร์ซ ในขณะที่ Webflow มีระบบรักษาความปลอดภัยในตัว
  • Webflow มีระบบ Hosting และ Backup ในตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องเซิร์ฟเวอร์ล่ม และข้อมูลหาย แตกต่างจาก Wordpress ที่ต้องจัดการ Hosting เอง

สำหรับผมแล้ว Webflow ตอบโจทย์การทำงานของดิจิทัลเอเจนซี่ได้เป็นอย่างดี ทำให้ลูกค้าประทับใจ เราสามารถปรับแต่งระบบหลังบ้านให้ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะออกแบบ User Journey แบบไหนก็ทำได้ หากวางโครงสร้างดีตั้งแต่แรก จะไม่มีปัญหาให้ปวดหัวภายหลัง แม้แต่เรื่องมัลแวร์ก็ไม่ต้องกังวล ถ้าคุณเป็น UX/UI Designer แล้วศึกษา Webflow อย่างตั้งใจ ก็สามารถทำเว็บให้ลูกค้าได้อย่างครบวงจรเลย

ปิดท้ายด้วยการโฆษณาตัวเองสักหน่อย หากใครสนใจอยากสร้างเว็บไซต์ด้วย Webflow ลองติดต่อทีมงาน Vision x Brain ของเราดูนะครับ เรามีความพร้อมที่จะช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ในฝันได้อย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะงานที่เน้นการสร้างการรับรู้แบรนด์ เชื่อมือเราได้เลยครับ

สรุปแล้วแบบไหนดีกว่าหล่ะ?

Webflow เป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามและใช้งานได้จริงโดยไม่ต้องพึ่งพาการเขียนโค้ด ด้วยฟีเจอร์ที่ครบครันและใช้งานง่าย ทำให้ Webflow เป็นทางเลือกที่น่าสนใจพอๆกับ Wordpress สำหรับหลายๆ คน หากคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มในการสร้างเว็บไซต์ลองศึกษา Webflow ดูได้ รับรองว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอน

Thank you! Your submission has been received!
Oops! Something went wrong while submitting the form.
ชอบบทความนี้ไหม? แชร์ให้โลกรู้สิ!
Webflow คืออะไร?
การเรียนรู้, การเดินทาง, ประสบการณ์ใหม่

บทความแนะนำสำหรับคุณ

นักออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ในหุบเขา อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

ดูบทความทั้งหมด
เกร็ดความรู้

จ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ดีอย่างไร ไขข้อข้องใจที่หลายคนอาจมองข้าม

การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม แต่การรับทำเว็บไซต์ให้ออกมาดูดี ใช้งานได้จริง และตอบโจทย์ธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อยๆ การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม แต่การรับทำเว็บไซต์ให้ออกมาดูดี ใช้งานได้จริง และตอบโจทย์ธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจที่หลายคนอาจมองข้ามในการจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์กัน

ข้อควรพิจารณาก่อนจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์

1. ดูผลงานและประสบการณ์

สิ่งแรกที่ควรทำคือ ตรวจสอบผลงานและประสบการณ์ของบริษัทรับทำเว็บไซต์ที่คุณสนใจ ดูว่าเขามีผลงานที่น่าประทับใจและตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่ รวมถึงมีประสบการณ์ในการทำเว็บไซต์ที่หลากหลายและเข้าใจธุรกิจของคุณดีพอหรือเปล่า

2. เช็คราคาและแพ็คเกจบริการ

ต่อมาคือการดูราคาและแพ็คเกจบริการรับทำเว็บไซต์ที่เขาเสนอ เปรียบเทียบราคากับคุณภาพงานและบริการที่จะได้รับ อย่าเลือกแค่เพราะราคาถูก แต่ต้องคุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป นอกจากนี้ดูด้วยว่ารวมบริการอะไรบ้าง เช่น ออกแบบ พัฒนา ดูแลระบบ หรือ SEO เป็นต้น

3. การรับประกันและการสนับสนุนหลังการขาย

อีกสิ่งสำคัญที่ต้องถามคือ เรื่องการรับประกันและการสนับสนุนหลังการขาย บริษัทรับทำเว็บไซต์ที่ดีต้องพร้อมรับประกันผลงานและให้บริการหลังการขายที่ดี คอยช่วยแก้ปัญหา ปรับแต่งเว็บไซต์ หรือให้คำแนะนำอย่างเต็มที่ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเดินหน้าได้อย่างราบรื่น

4. ทีมงานมืออาชีพ

การรับทำเว็บไซต์ที่ดีต้องอาศัยทีมงานมืออาชีพที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทั้ง UX/UI Designer, Web Developer, Tester และ Project Manager ควรสอบถามถึงทีมงานของบริษัทว่าประกอบด้วยใครบ้าง มีความเชี่ยวชาญแค่ไหน เพื่อให้มั่นใจว่าเว็บไซต์ของคุณจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

5. ความเข้าใจในธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย

บริษัทรับทำเว็บไซต์ที่ดีจะต้องพยายามทำความเข้าใจธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายของคุณอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถออกแบบเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงจุด เข้าถึงใจลูกค้า และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน จึงควรเลือกบริษัทที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

Tanakit Chaithip
May 20, 2024
# นาทีในการอ่าน
เกร็ดความรู้

รับทำเว็บไซต์ กับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน

การสร้างประสบการณ์ที่ดีบนเว็บไซต์มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้ผู้ใช้งานเกิดความประทับใจ
ในยุคดิจิทัลที่ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว การมีเว็บไซต์ที่ดีถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแค่มีเว็บไซต์เท่านั้น แต่ต้องเป็นเว็บไซต์ที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานด้วย หากคุณกำลังมองหาบริการรับทำเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ และใส่ใจในประสบการณ์ของผู้ใช้งาน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญและแนวทางในการสร้างเว็บไซต์ที่ดีได้

ความสำคัญของการสร้างประสบการณ์ที่ดีบนเว็บไซต์

การสร้างประสบการณ์ที่ดีบนเว็บไซต์มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้ผู้ใช้งานเกิดความประทับใจ และอยากกลับมาใช้บริการซ้ำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์มีประสบการณ์ที่ดี ได้แก่ - การออกแบบ UX/UI ที่ใช้งานง่าย สวยงาม น่าสนใจ - โหลดเร็ว ไม่มีสะดุด ใช้งานได้ลื่นไหล - มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ - รองรับการใช้งานบนมือถือ (Mobile-Friendly) - มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี น่าเชื่อถือ

แนวทางการสร้างเว็บไซต์ให้มีประสบการณ์ที่ดี

หากต้องการรับทำเว็บไซต์ให้มีประสบการณ์ที่ดี ควรเลือกใช้บริการจากทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ โดยมีแนวทางดังนี้ 1. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและความต้องการของธุรกิจ เพื่อออกแบบเว็บไซต์ให้ตรงใจผู้ใช้งานมากที่สุด 2. ออกแบบ UX/UI ที่เรียบง่าย ใช้งานสะดวก มีความสวยงามทันสมัย น่าสนใจ ช่วยสร้างความประทับใจแรกพบ 3. พัฒนาเว็บไซต์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความเสถียร ปลอดภัย โหลดเร็ว ลดอัตราการ Bounce Rate 4. ทำ SEO บนหน้าเว็บ (On-Page) ใช้คีย์เวิร์ดให้ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหา มีการจัดหมวดหมู่เนื้อหาที่ดี ช่วยเพิ่มอันดับบน Google 5. มีระบบ Analytics วัดผลและปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ตามเทรนด์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป

Tanakit Chaithip
May 19, 2024
# นาทีในการอ่าน
เทคนิทการทำเว็บไซต์

มาทำความรู้จักกับ Responsive Web Design สำหรับการรับทำเว็บไซต์

Responsive Web Design
ในยุคที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ผู้คนส่วนใหญ่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ดังนั้น การออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับการแสดงผลบนทุกขนาดหน้าจอจึงเป็นสิ่งสำคัญ และนี่คือที่มาของ Responsive Web DesignResponsive Web Design คืออะไร?Responsive Web Design (RWD) คือแนวคิดในการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ให้สามารถปรับขนาดและเลย์เอาต์ให้เหมาะสมกับขนาดหน้าจอของอุปกรณ์ที่ใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดไม่ว่าจะใช้งานผ่านอุปกรณ์ใด เว็บไซต์ที่ใช้ RWD จะมีองค์ประกอบดังนี้:- Flexible layouts ที่ปรับขนาดได้ตามความกว้างของหน้าจอ- Flexible images ที่ปรับขนาดได้ตามขนาดของ layout- Media queries ที่ตรวจสอบขนาดหน้าจอและปรับเลย์เอาต์ให้เหมาะสม

ทำไมต้องใช้ Responsive Web Design?

การใช้ RWD ในการรับทำเว็บไซต์มีประโยชน์มากมาย ได้แก่:- เพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ดีขึ้น ผู้ใช้สามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกบนอุปกรณ์ใดก็ได้- ลดต้นทุนในการพัฒนาและดูแลรักษา เพราะใช้โค้ดชุดเดียวกันบนทุกอุปกรณ์- เพิ่มอันดับใน Search Engine เพราะ Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่รองรับ mobile- เพิ่มโอกาสทางการตลาด เพราะผู้ใช้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้จากทุกที่ทุกเวลา

ขั้นตอนการทำ Responsive Web Design

1. วางแผน กำหนดเป้าหมายและกลุ่มผู้ใช้งานของเว็บไซต์2. ออกแบบ wireframe และ prototype ที่รองรับหลายขนาดหน้าจอ3. พัฒนาด้วย HTML, CSS และ JavaScript โดยใช้เทคนิค RWD4. ทดสอบบนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าแสดงผลได้ถูกต้อง5. ปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปแต่หากใครที่อยากได้งานที่ตรงใจ ลองจ้างเรา Vision x Brain ทำ Webflow สิครับ จริงๆ งบประมาณทำเว็บก็อยู่ที่ความเหมาะสมอยู่ที่ความพึงพอใจ เราสามารถทำเว็บไซต์ Responsive ที่รองรับทุกขนาดหน้าจอ ด้วยคุณภาพและราคาที่คุณพอใจ

Tanakit Chaithip
May 19, 2024
# นาทีในการอ่าน
ดูบทความทั้งหมด
5.0 from 63 reviews

รับปรับปรุงเว็บไซต์ครบวงจร ด้วย Webflow เทคโนโลยีระดับโลก

ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อยๆ การมีเว็บไซต์ที่ทันสมัย ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ลูกค้า ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญในการรับปรับปรุงเว็บไซต์ครบวงจร ด้วยเทคโนโลยี Webflow ระดับโลก เราพร้อมให้บริการแล้ววันนี้

รับปรับปรุงเว็บไซต์
รับปรับปรุงเว็บไซต์