Jobs to Be Done (JTBD) คือกรอบคิดที่อธิบายว่าลูกค้า “จ้าง” สินค้า/บริการเพื่อทำงานบางอย่างให้สำเร็จ เน้นผลลัพธ์และบริบท มากกว่าคุณลักษณะบุคคล ใช้สัมภาษณ์เชิงลึก สกัดผลลัพธ์ (outcomes) แล้วจัดลำดับความสำคัญ เพื่อนำไปออกแบบฟีเจอร์ ข้อความ และเส้นทางบนเว็บที่ตอบโจทย์จริง
Jobs to Be Done (JTBD) คืออะไร? ใช้อย่างไรกับเว็บไซต์/โปรดักต์
สำหรับ Product/Marketing/UX JTBD เปลี่ยนมุมมองจาก “เราจะขายอะไร” เป็น “ลูกค้ากำลังพยายามทำงานอะไรให้สำเร็จ” แล้วค่อยออกแบบคอนเทนต์/ฟีเจอร์/ข้อเสนอให้พาเขา สำเร็จงาน ให้ไวที่สุด
องค์ประกอบหลักของ JTBD
| องค์ประกอบ | อธิบาย | ตัวอย่าง |
|---|
| Job (งาน) |
สิ่งที่ลูกค้าพยายามทำให้สำเร็จ (functional + emotional/social) |
“เมื่อเริ่มแคมเปญใหม่ ฉันต้องการพิสูจน์ว่าเพจโหลดไว เพื่อเพิ่ม Conversion” |
| Outcome (ผลลัพธ์ที่วัดได้) |
ตัวชี้วัดความคืบหน้าของงาน มักขึ้นรูปเป็น “ลด/เพิ่ม/เร็วขึ้น/เสี่ยงน้อยลง” |
ลด LCP < 2.5s, เพิ่ม CTR ปุ่มนัดหมาย > 3%, ลดเวลาอนุมัติแบบร่างหน้าเว็บ |
| Context (บริบท) |
สถานการณ์/ข้อจำกัด/แรงจูงใจที่ล้อมรอบงาน |
งบจำกัด ทีมเล็ก มือถือเป็นหลัก กำหนดเปิดแคมเปญภายใน 14 วัน |
Template เขียน Job Statement
เมื่อ [สถานการณ์/ทริกเกอร์] ฉันต้องการ [ความคืบหน้าหลัก] เพื่อที่ [ผลลัพธ์เชิงธุรกิจ/อารมณ์]
- ตัวอย่าง B2B: “เมื่อเซลส์รับลีดใหม่ ฉันต้องการซิงก์ข้อมูลกับ CRM อัตโนมัติ เพื่อที่ทีมจะติดตามได้ทันที”
- ตัวอย่าง E-commerce: “เมื่อจะซื้อของซ้ำ ฉันต้องการเช็คเอาต์หนึ่งคลิก เพื่อที่ฉันจะจบการสั่งซื้อในไม่กี่วินาที”
- ตัวอย่าง Service Website: “เมื่อฉันเปรียบเทียบบริการ ฉันต้องการเห็นราคา/สิ่งที่รวมชัด เพื่อที่ฉันจะตัดสินใจนัดหมายได้เร็ว”
ตาราง: Persona vs JTBD
| หัวข้อ | Persona | JTBD |
|---|
| มุมมอง |
ใครคือผู้ใช้ (โปรไฟล์/บทบาท) |
งานที่ผู้ใช้กำลังพยายามทำให้สำเร็จ |
| ตัวขับเคลื่อน |
คุณลักษณะ/พฤติกรรม |
สถานการณ์/ผลลัพธ์/ข้อจำกัด |
| สิ่งที่ได้ |
ภาพรวมกลุ่มเป้าหมาย |
สเปกงาน→ข้อกำหนดฟีเจอร์/คอนเทนต์ที่วัดผลได้ |
| การใช้งาน |
สื่อสารการตลาดกว้าง ๆ |
ออกแบบ UX/ข้อความ/ฟีเจอร์เฉพาะเส้นทาง |
HowTo: ทำ JTBD ให้ใช้งานได้จริงใน 6 ขั้น
- คัดกลุ่ม/สถานการณ์ ที่มีโอกาสทางธุรกิจชัด (เช่น “ผู้เข้าชมมือถือครั้งแรก”)
- สัมภาษณ์เชิงลึก แบบเล่าเหตุการณ์จริง (ก่อน–ระหว่าง–หลังตัดสินใจ)
- สกัด Job Statements & Outcomes เป็นประโยคสั้น วัดได้
- จัดลำดับความสำคัญด้วย ODI (Importance × Satisfaction) เพื่อหาช่องว่าง
- แมปสู่ UX/ข้อความ/ฟีเจอร์ บนเส้นทางหลัก (จากโฮม → หน้าบริการ → CTA)
- วัดผลและวนรอบ ตั้ง GA4/คอนเวอร์ชัน ดู CTR/LCP/Lead แล้วทดลอง A/B
ตัวอย่างแปลง JTBD → สิ่งที่ทำบนเว็บไซต์
| Job | Outcome | สิ่งที่ทำบนเว็บ (ตัวอย่าง) | ตัวชี้วัด |
|---|
| เปรียบเทียบบริการให้เร็ว |
เข้าใจสิ่งที่รวม/ราคาใน 30 วินาที |
ตารางแพ็กเกจ, CTA นัดหมายเด่น, FAQ ราคา |
Time on section, CTA CTR, Lead |
| มั่นใจคุณภาพ/ความเสี่ยงต่ำ |
หลักฐานตรวจสอบได้ |
เคสจริง, ใบรับรอง/มาตรฐาน, รีวิว, สคีมา Review |
Bounce, Scroll depth, Demo requests |
| ซื้อซ้ำไวบนมือถือ |
เช็คเอาต์ < 20 วินาที |
ปุ่มซื้อซ้ำ, ชำระเงิน 1 คลิก, เก็บที่อยู่/บัตร |
Checkout time, Conversion rate |
อ่านต่อ (บทความที่เกี่ยวข้อง)
บริการที่เกี่ยวข้อง (Internal Links)
อ้างอิงภายนอก (E-E-A-T)
- Harvard Business Review — “Know Your Customers’ ‘Jobs to Be Done’” (2016), และแนวคิด “Milkshake Marketing/Marketing Malpractice” (2005)
- Strategyn (Tony Ulwick) — Outcome-Driven Innovation (ODI) & Jobs-to-be-Done Overview
- Christensen Institute — หลักคิด JTBD และกรณีศึกษา
ลิงก์อ้างอิง:
HBR 2016 ·
HBR 2005 ·
Strategyn JTBD ·
Christensen Institute
FAQ (People Also Ask)
JTBD ต่างจาก Persona อย่างไร?
Persona บอกว่า “ใคร” ส่วน JTBD บอกว่า “กำลังพยายามทำงานอะไร” มุมมองผลลัพธ์จึงชี้ตรงไปที่ฟีเจอร์/ข้อความที่ต้องทำเพื่อพาลูกค้าไปถึงเป้าหมาย
จะเริ่มสัมภาษณ์ลูกค้าแบบ JTBD ยังไง?
ใช้การเล่าเหตุการณ์ย้อนหลัง (timeline interview): ก่อน–ระหว่าง–หลังตัดสินใจ เน้นบริบท ทริกเกอร์ ความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยง และงานที่อยากสำเร็จ
วัดความสำคัญของ Outcome ได้อย่างไร?
ใช้ ODI ให้คะแนน Importance และ Satisfaction เพื่อหา “ช่องว่าง” ที่ควรทำก่อน
เกี่ยวกับผู้เขียน
Vision X Brain Team — ทีม Website/SEO/CRO & Webflow เราใช้ JTBD เพื่อเชื่อมกลยุทธ์คอนเทนต์–UX–เทคนิคให้ตรง “งานของลูกค้า” นำไปสู่ Conversion ที่วัดผลได้จริง
อัปเดตล่าสุด: 23 Aug 2025
