🔥 แค่ 5 นาที เปลี่ยนมุมมองได้เลย

Service Level Agreement (SLA) สำหรับงานดูแลเว็บไซต์: ต้องมีอะไรบ้าง

ยาวไป อยากเลือกอ่าน?

SLA การดูแลเว็บไซต์ที่ดีควรกำหนด uptime เป้าหมาย, เวลาตอบสนอง/กู้คืน (RTO/RPO), ระดับความรุนแรง, หน้าต่างแพตช์/บำรุง, มอนิเตอร์/สำรองข้อมูล, เอสคาเลชัน, รายงาน และเครดิตชดเชย พร้อมผูกกับ SLI/SLO วัดผลชัด ควบคุมต้นทุน–ความเสี่ยงด้วยข้อยกเว้นที่ระบุ.

Website Maintenance SLA Guide: โครงสร้าง ข้อกำหนด และตัวอย่างที่ใช้ได้จริง

ภาพรวม SLA (Service Level Agreement) ต้องยึด SLI/SLO ที่วัดได้ เป็นหลัก เช่น ความพร้อมใช้งาน ความเร็วตอบสนอง และความถูกต้องบริการ จากแนวทาง SRE: SLIs คือสิ่งที่วัด, SLO คือเป้าหมาย, SLA คือคำมั่นสัญญาและผลหากทำไม่ได้. ออกแบบให้ลิงก์กับการตัดสินใจและการตอบสนองเหตุการณ์ได้จริง. แนะนำศึกษา SRE เรื่อง SLI/SLO เพิ่มเติมเพื่อเขียน SLA ให้มีเขี้ยวเล็บ.

อ้างอิง: Google SRE — SLOs/SLIs/SLAs และวิธีนำไปใช้. :contentReference[oaicite:0]{index=0}

คำสำคัญใน SLA ที่ต้องนิยามให้ชัด

  • Uptime/Availability: เปอร์เซ็นต์ความพร้อมใช้งานต่อรอบบิล (รายเดือน/รายไตรมาส)
  • RTO (Recovery Time Objective): เวลากู้คืนบริการให้ใช้งานได้ยอมรับได้. :contentReference[oaicite:1]{index=1}
  • RPO (Recovery Point Objective): จุดเวลาที่ข้อมูลต้องย้อนกลับได้หลังเหตุขัดข้อง. :contentReference[oaicite:2]{index=2}
  • Severity: ระดับความรุนแรงที่ผูกกับเวลาตอบสนอง/กู้คืนและจังหวะสื่อสาร. :contentReference[oaicite:3]{index=3}
  • Patching & Maintenance Window: นโยบายติดตั้งแพตช์/อัปเดตตามแนวทางองค์กร. :contentReference[oaicite:4]{index=4}
  • Service Credits: รูปแบบชดเชยเมื่อไม่ถึง SLA (เช่น ยึดตามตัวอย่างผู้ให้บริการคลาวด์). :contentReference[oaicite:5]{index=5}

ตารางตัวอย่าง “ระดับแพ็กเกจ” สำหรับเว็บไซต์ธุรกิจ

แพ็กเกจ Uptime เป้าหมาย เวลาตอบสนอง (SLA) RTO RPO Support Patch Window Monitoring/Backup Service Credits
Essential 99.5% ภายใน 4 ชม. 24 ชม. 24 ชม. ธุรกิจ (9x5) รายเดือน + ความเสี่ยงสูงทันที Uptime/SSL/DNS + Daily backup ต่ำกว่า 99.5% → 5% ค่าบริการเดือนนั้น*
Growth 99.9% ภายใน 1 ชม. 8 ชม. 12 ชม. ขยายเวลา (12x5) ราย 14 วัน + ความเสี่ยงสูงทันที Uptime/Perf + 15-min health + Twice-daily backup ต่ำกว่า 99.9% → 10% ค่าบริการ
Mission-Critical 99.99% ภายใน 15 นาที 1 ชม. 1 ชม. 24x7 On-call รายสัปดาห์ + Emergency 48 ชม. Real-time + 5-min checks + Hourly backup ต่ำกว่า 99.99% → 15–25% ตามขั้น

*ตัวอย่างเปอร์เซ็นต์เครดิตเพื่ออธิบายโครง ไม่ใช่ข้อเสนอราคา—อิงแนวทางจากหน้า SLA ของผู้ให้บริการคลาวด์ที่ใช้ Service Credits ตามช่วง Uptime. :contentReference[oaicite:6]{index=6}

ตาราง “Severity → การตอบสนอง/กู้คืน/สื่อสาร”

Severity คำจำกัดความ ตอบรับเบื้องต้น กู้คืน (เป้าหมาย) ความถี่การอัปเดตลูกค้า
SEV1 บริการสาธารณะล่มทั้งหมด/ข้อมูลลูกค้าเสี่ยงสูง ≤ 15 นาที ≤ 1 ชม. หรือ Workaround ภายใน 30 นาที ทุก 15–30 นาที จนเสถียร
SEV2 กระทบผู้ใช้บางส่วน/ฟีเจอร์สำคัญใช้ไม่ได้ ≤ 1 ชม. ≤ 8 ชม. ทุก 60–90 นาที
SEV3 ปัญหาย่อย/ไม่มีผลกับแกนรายได้ ≤ 4 ชม. ภายใน 3–5 วันทำการ อัปเดตเมื่อมีความคืบหน้า

แรงบันดาลใจจากคู่มือ Incident ของ Atlassian/Google และแนวปฏิบัติ SRE อื่น ๆ; ปรับระดับ/เกณฑ์ให้เข้ากับบริบทธุรกิจของคุณ. :contentReference[oaicite:7]{index=7}

ตัวอย่างถ้อยคำสำคัญใน SLA (นำไปปรับใช้ได้)

  • Measurement: “Uptime วัดจากผลลัพธ์การตรวจทุก 5 นาที ณ edge monitoring; ยกเว้น downtime ที่เข้าข่าย Maintenance Window ที่แจ้งล่วงหน้า ≥ 48 ชม.”
  • Exclusions: “ไม่ครอบคลุมเหตุจากผู้ให้บริการโฮสต์ภายนอก, DNS registrar, โค้ดบุคคลที่สาม, หรือนอกเหนือสิทธิการควบคุมของผู้ให้บริการ”
  • Credits: “หาก Monthly Uptime ต่ำกว่าเกณฑ์ จะได้รับ Service Credits ตามตาราง โดยต้องยื่นคำร้องภายใน 30 วันถัดไปของรอบบิล” (อ้างแนวทางผู้ให้บริการคลาวด์). :contentReference[oaicite:8]{index=8}
  • Patching: “แพตช์วิกฤต (critical) ติดตั้งภายใน 48 ชม. หลังประกาศ; อื่น ๆ ตามรอบที่กำหนด” (อิงแนวทาง NIST SP 800-40). :contentReference[oaicite:9]{index=9}

โค้ดตัวอย่าง: คำนวณ Downtime สูงสุดต่อเดือนจากเป้าหมาย Uptime

<script>
// minutes per 30-day month
const MINUTES = 30 * 24 * 60;
function downtimeFromUptime(uptimePct){
  const allowed = (1 - (uptimePct/100)) * MINUTES;
  return Math.round(allowed); // นาที
}
// ตัวอย่าง
console.log('99.5% => ', downtimeFromUptime(99.5), 'นาที/เดือน');
console.log('99.9% => ', downtimeFromUptime(99.9), 'นาที/เดือน');
console.log('99.99% => ', downtimeFromUptime(99.99), 'นาที/เดือน');
</script>

ขั้นตอนทำ Website Maintenance SLA ให้ “ใช้งานได้จริง”

  1. ระบุบริการ/ขอบเขตงาน และสิ่งที่ไม่ครอบคลุม
  2. นิยาม SLI และตั้ง SLO (เช่น Uptime, TTFB, MTTR) ให้ผูกกับเป้าธุรกิจ
  3. กำหนด Severity–Response–Restore และ cadence การสื่อสาร
  4. กำหนด RTO/RPO + นโยบายสำรอง/ทดสอบกู้คืนสม่ำเสมอ
  5. กำหนด Patch/Maintenance Window และข้อยกเว้น
  6. ตั้งวิธีวัด/รายงาน/พิสูจน์ผล และ Service Credits
  7. ทำตารางระดับแพ็กเกจให้เลือก และทบทวนรายไตรมาส

บริการที่เกี่ยวข้อง (Internal Links)

อ่านต่อ (บทความที่เกี่ยวข้อง)

อ้างอิงภายนอก (มาตรฐาน/แนวทาง)

  • Google SRE — SLIs/SLOs/SLAs และคู่มือปฏิบัติ. :contentReference[oaicite:10]{index=10}
  • NIST — คำจำกัดความ RTO/RPO และแนวทาง Patch Management (SP 800-40 r4). :contentReference[oaicite:11]{index=11}
  • PeopleCert/ITIL 4 — บทบาท/แนวคิด SLM & SLA ใน ITSM. :contentReference[oaicite:12]{index=12}
  • AWS — ตัวอย่างโครง Service Credits & SLA หน้าอย่างเป็นทางการ. :contentReference[oaicite:13]{index=13}
  • Atlassian — แนวคิด Incident Severity และ Major Incident. :contentReference[oaicite:14]{index=14}

เกี่ยวกับทีมผู้เขียน

Vision X Brain — ทีม Website/SEO/CRO & Webflow สำหรับธุรกิจ เราออกแบบสัญญา SLA ให้ “วัดได้–ทำได้จริง” ผูกกับ SLI/SLO และกระบวนการ Incident/Change/Release พร้อมแดชบอร์ดรายงานผล

อัปเดตล่าสุด: 23 Aug 2025

แชร์

Recent Blog

ข้อดีของ responsive web design ที่ธุรกิจยุคใหม่ต้องรู้ ปี 2025

ค้นพบข้อดีของ responsive web design พร้อมเคล็ดลับเพิ่มยอดขายและสร้างประสบการณ์เว็บที่ดีกับลูกค้า เหมาะสำหรับธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่ปี 2025

ข้อดีของ responsive web design ที่ธุรกิจยุคใหม่ต้องรู้ ปี 2025

ค้นพบข้อดีของ responsive web design พร้อมเคล็ดลับเพิ่มยอดขายและสร้างประสบการณ์เว็บที่ดีกับลูกค้า เหมาะสำหรับธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่ปี 2025

การวิเคราะห์ UX/UI เบื้องต้น สำหรับเจ้าของธุรกิจและผู้ทำเว็บไซต์ 2025