🔥 แค่ 5 นาที เปลี่ยนมุมมองได้เลย

"Above the Fold" ของเว็บไซต์ B2B ควรมีอะไรบ้าง? (พร้อม 5 ตัวอย่างที่ปิดดีลได้จริง)

ยาวไป อยากเลือกอ่าน?

ปัญหาที่เจอจริงในชีวิต: ทำไมเว็บ B2B สวยๆ ถึงไม่มีคนติดต่อเข้ามาเลย?

คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหมครับ? เว็บไซต์ธุรกิจ B2B ของคุณก็ออกแบบมาอย่างดี ดูสวยงาม ทันสมัย ข้อมูลสินค้าหรือบริการก็ใส่ไว้ครบถ้วน แถมยังทุ่มงบยิงแอดให้คนเข้าเว็บทุกวัน แต่...ทำไมมันช่างเงียบเหงาเหลือเกิน ยอดคนกด "ขอใบเสนอราคา" หรือ "นัดเดโม" แทบจะเป็นศูนย์ ผู้เข้าชมแวะเข้ามาเหมือนสถานีรถไฟ คือมาแล้วก็ไปต่อ ไม่เกิดเป็นบทสนทนาทางธุรกิจสักที

ถ้าคุณกำลังเจอสถานการณ์ "ทราฟฟิกมี แต่ Lead ไม่มี" นี้อยู่ คุณไม่ได้เผชิญปัญหานี้คนเดียวนะครับ นี่คืออาการคลาสสิกของเว็บไซต์ที่พลาด "โอกาสทองใน 5 วินาทีแรก" ไปอย่างน่าเสียดาย พื้นที่ที่เรียกว่า "Above the Fold" หรือส่วนแรกของหน้าจอที่ผู้ใช้เห็นโดยไม่ต้องเลื่อนลงไป คือสมรภูมิตัดสินชะตาที่สำคัญที่สุด และเว็บของคุณอาจกำลังพ่ายแพ้ในสมรภูมินี้อยู่ครับ

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพ Split-screen เปรียบเทียบฝั่งซ้ายเป็นรูปคนกำลังมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความสับสน หน้างอ ปวดหัว กับฝั่งขวาเป็นรูปคนยิ้มอย่างพอใจขณะใช้งานเว็บไซต์เดียวกันแต่ดีไซน์ใหม่ มีข้อความลอยเด่นว่า "5 วินาทีตัดสินอนาคตธุรกิจคุณ"

ทำไมถึงเกิดปัญหานั้นขึ้น: จุดบอดที่มองไม่เห็นใน "ปราการด่านแรก"

สาเหตุที่ส่วน Above the Fold ของเว็บไซต์ B2B จำนวนมากทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพราะดีไซน์ไม่สวยครับ แต่เป็นเพราะมัน "สื่อสาร" ได้ไม่ดีพอ ปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดจากความเข้าใจผิดเหล่านี้:

  • หลงใหลในดีไซน์จนลืมหน้าที่หลัก: เรามักให้ความสำคัญกับภาพที่สวยงาม Animation สุดว้าว หรือ Layout ที่แปลกใหม่ จนลืมไปว่าหน้าที่สำคัญที่สุดของพื้นที่นี้คือ "การสื่อสารคุณค่า" ให้ชัดเจนและรวดเร็วที่สุด
  • ใช้ศัพท์เทคนิคที่เข้าใจกันเอง: คำอย่าง "โซลูชันที่ล้ำสมัย" (Innovative Solutions) หรือ "การผนึกกำลังทางธุรกิจ" (Synergistic Partnerships) อาจจะฟังดูเท่ แต่สำหรับลูกค้าที่เข้ามาครั้งแรก มันไม่ได้บอกเลยว่าคุณ "ทำอะไร" และ "ช่วยแก้ปัญหาอะไรให้เขา" ได้อย่างเป็นรูปธรรม
  • ไม่มี "ป้ายบอกทาง" ที่ชัดเจน: ผู้เข้าชมเข้ามาแล้วเกิดความสนใจ แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ ปุ่ม Call-to-Action (CTA) อาจจะเล็กเกินไป สีกลืนไปกับพื้นหลัง หรือไม่มีเลย ทำให้พวกเขาหลงทางและกดปิดไปในที่สุด
  • ไม่เข้าใจการเดินทางของลูกค้า B2B: การตัดสินใจซื้อของลูกค้าองค์กรนั้นซับซ้อนและใช้เวลา พวกเขามองหา "ผู้เชี่ยวชาญ" ที่จะมาช่วยแก้ "ปัญหาทางธุรกิจ" ของเขา ไม่ใช่แค่ร้านค้าออนไลน์ทั่วไป การนำเสนอคุณค่าจึงต้องแม่นยำและตรงจุดปวดของพวกเขาจริงๆ

ผลวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญด้าน UX อย่าง Nielsen Norman Group ยืนยันมาตลอดหลายปีว่า แม้พฤติกรรมการเลื่อนจอ (Scrolling) จะเป็นเรื่องปกติ แต่ข้อมูลที่ผู้ใช้ให้ความสนใจจะลดลงอย่างฮวบฮาบเมื่อต้องเลื่อนลงไป นั่นหมายความว่า พื้นที่ Above the Fold ยังคงเป็น "อสังหาริมทรัพย์ที่แพงที่สุด" บนหน้าเว็บของคุณเสมอ

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพอินโฟกราฟิกง่ายๆ แสดงสมองของลูกค้าที่มีเครื่องหมายคำถาม (?) ลอยอยู่เต็มไปหมด ขณะที่มองส่วน Above the Fold ของเว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคและไม่มีปุ่ม CTA ที่ชัดเจน

ถ้าปล่อยไว้จะส่งผลยังไงบ้าง: ราคาที่ต้องจ่ายแพงกว่าที่คิด

การมี Above the Fold ที่อ่อนแอ ไม่ใช่แค่เรื่องของการเสียโอกาส แต่เป็น "ต้นทุน" ที่ธุรกิจของคุณกำลังจ่ายอยู่ทุกวันโดยไม่รู้ตัว ผลกระทบที่ตามมานั้นรุนแรงกว่าที่คิดครับ:

  • งบโฆษณาที่สูญเปล่า (Wasted Ad Spend): คุณกำลังจ่ายเงินเพื่อให้คนคลิกเข้ามา แล้วก็กดปิดทิ้งไปทันที มันเหมือนกับการเทน้ำลงบนพื้นทราย ไม่เหลืออะไรให้เก็บเกี่ยวเลย
  • เสียโอกาสทางธุรกิจมูลค่าสูง: ลองจินตนาการว่ามี Potential Lead ที่พร้อมจะปิดดีลมูลค่า 6-7 หลักเข้ามาที่เว็บคุณ แต่กลับหาข้อมูลหรือปุ่มติดต่อไม่เจอแล้วจากไป...นั่นคือรายได้ที่หายไปต่อหน้าต่อตา
  • ทำลายภาพลักษณ์แบรนด์: เว็บไซต์ที่สื่อสารสับสน ทำให้แบรนด์ของคุณดูไม่เป็นมืออาชีพ ไม่น่าเชื่อถือ และไม่ใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งในตลาด B2B ที่ความไว้วางใจคือทุกสิ่ง
  • อันดับ SEO ที่แย่ลง: เมื่อผู้ใช้เข้ามาแล้วกดออกอย่างรวดเร็ว (High Bounce Rate) Google จะได้รับสัญญาณว่าหน้าเว็บของคุณ "ไม่มีประโยชน์" (Unhelpful Content) และจะค่อยๆ ลดอันดับของคุณลงในระยะยาว การออกแบบ UX/UI สำหรับธุรกิจ B2B มูลค่าสูง จึงไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่คือปัจจัยสำคัญของ SEO

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพเงินที่เป็นกระดาษกำลังลอยปลิวออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดเว็บไซต์ B2B ที่ดูสับสน มีกราฟเส้นแสดง Bounce Rate พุ่งสูงขึ้นอยู่ด้านหลัง

มีวิธีไหนแก้ได้บ้าง และควรเริ่มจากตรงไหน: เปิดตำรา 5 องค์ประกอบที่ต้องมี!

ข่าวดีคือ ปัญหานี้แก้ไขได้ และไม่ต้องถึงกับต้องรื้อเว็บทำใหม่ทั้งหมดครับ เพียงแค่เราปรับจูน "5 องค์ประกอบสำคัญ" ในส่วน Above the Fold ให้คมชัดและทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ คุณก็สามารถเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นว่าที่ลูกค้าได้ทันที

หลักการสำคัญคือการตอบคำถาม 3 ข้อของผู้เข้าชมให้ได้ภายใน 5 วินาที: "ที่นี่คือที่ไหน?", "ที่นี่มีอะไรให้ฉัน?" และ "ฉันควรทำอะไรต่อ?"

  1. Headline ที่สื่อสารคุณค่า (Value Proposition Headline): นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด ต้องตอบให้ได้ว่า "คุณทำอะไร และช่วยแก้ปัญหาอะไรให้ใคร" อย่างชัดเจนที่สุดในประโยคเดียว ลืมคำพูดสวยหรูไปก่อน แล้วโฟกัสที่ "ผลลัพธ์" ที่ลูกค้าจะได้รับ
  2. คำอธิบายสั้นๆ (Explanatory Sub-headline): ประโยคสั้นๆ 1-2 ประโยคที่ขยายความ Headline ให้ชัดเจนขึ้น อาจจะบอกว่าคุณทำ "อย่างไร" หรือทำ "เพื่อใคร"
  3. ภาพหรือวิดีโอที่สะท้อนผลลัพธ์ (Compelling Visuals): ใช้ภาพฮีโร่ (Hero Image) หรือวิดีโอคุณภาพสูงที่แสดงให้เห็นถึง "ผลลัพธ์ของการใช้บริการ" หรือ "สินค้ากำลังทำงาน" ไม่ใช่แค่ภาพสต็อกสวยๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง
  4. ปุ่มเรียกร้องให้ดำเนินการ (Primary Call-to-Action - CTA): ต้องมีปุ่มหลัก "เพียงปุ่มเดียว" ที่เด่นชัดที่สุด บอกให้ผู้ใช้รู้ว่าคุณอยากให้เขาทำอะไรต่อมากที่สุด เช่น "นัดเวลาสาธิต" (Request a Demo) หรือ "ขอใบเสนอราคา" (Get a Quote)
  5. สัญญาณสร้างความน่าเชื่อถือ (Trust Signals / Social Proof): โดยเฉพาะในตลาด B2B การตัดสินใจซื้อมาจากความเชื่อมั่น ใส่โลโก้ของลูกค้ารายใหญ่ที่คุณเคยให้บริการ, รางวัลที่ได้รับ, หรือสถิติที่น่าสนใจ เช่น "ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำกว่า 500 แห่ง"

การผสมผสานองค์ประกอบเหล่านี้อย่างลงตัวคือหัวใจของการทำ Conversion Optimization ที่จะเปลี่ยนเกมให้เว็บไซต์ B2B ของคุณได้อย่างแท้จริง

Prompt สำหรับภาพประกอบ: อินโฟกราฟิกสวยงาม แสดง Layout ของส่วน Above the Fold โดยมีเลข 1-5 ชี้ไปยังองค์ประกอบแต่ละส่วน (Headline, Sub-headline, Visual, CTA, Trust Signals) พร้อมคำอธิบายสั้นๆ

ตัวอย่างจากของจริงที่เคยสำเร็จ: 5 เว็บ B2B ที่ใช้ Above the Fold ปิดดีล!

ทฤษฎีดีแค่ไหน ก็ไม่เท่าเห็นของจริง ลองมาดูกันครับว่าบริษัท B2B ระดับโลกเขาใช้ 5 องค์ประกอบข้างต้นมาสร้าง Above the Fold ที่ทรงพลังกันอย่างไร

1. Asana:
- Headline: "Work on big ideas, without the busywork." (ทำงานใหญ่ได้ โดยไม่ต้องวุ่นวายกับงานยิบย่อย) - สื่อสารผลลัพธ์ชัดเจน คือลดงานที่ไม่จำเป็น
- Sub-headline: "From the small stuff to the big picture, Asana organizes work so teams know what to do, why it matters, and how to get it done." - อธิบายว่าทำได้อย่างไร
- Visual: ภาพเคลื่อนไหวของ Interface โปรแกรมที่ดูสะอาดตาและใช้งานง่าย
- CTA: "Get Started" ปุ่มสีดำเด่นชัด
- Social Proof: โลโก้ลูกค้าระดับโลกอย่าง Amazon, Google, Deloitte อยู่ข้างใต้

2. Shopify:
- Headline: "The global commerce platform" (แพลตฟอร์มการค้าสำหรับทั่วโลก) - บอกชัดเจนว่าตัวเองคือใครและสเกลใหญ่แค่ไหน
- Sub-headline: "Build your business with a platform that helps you sell in-person, online, and everywhere in between." - ขยายความสามารถ
- Visual: ภาพร้านค้าที่ดูดีและประสบความสำเร็จ
- CTA: "Start free trial" ปุ่มใหญ่สีเขียวเห็นมาแต่ไกล
- Social Proof: ระบุว่า "Trusted by millions of businesses worldwide."

3. Slack:
- Headline: "Move faster with your tools in one place" (ทำงานเร็วขึ้น ด้วยเครื่องมือทั้งหมดในที่เดียว) - โฟกัสที่ "ความเร็ว" ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องการ
- Sub-headline: "Automate away routine tasks and focus on what matters most." - ขยายความประโยชน์
- Visual: ภาพ UI ของโปรแกรมที่แสดงการทำงานร่วมกับแอปอื่นๆ
- CTA: มี 2 ปุ่มชัดเจน "TRY FOR FREE" และ "TALK TO SALES" ให้เลือกตามความต้องการ
- Social Proof: โลโก้ลูกค้าชั้นนำเพียบ

4. HubSpot:
- Headline: "A powerful CRM platform that's easy to use" (แพลตฟอร์ม CRM ที่ทรงพลัง และใช้งานง่าย) - ตบหน้าคู่แข่งที่มักจะใช้งานยากทันที
- Sub-headline: "HubSpot’s CRM platform has all the tools and integrations you need for marketing, sales, content management, and customer service." - บอกความครบครัน
- Visual: ภาพรวมของ Dashboard ที่ดูสะอาดและเข้าใจง่าย
- CTA: "Get a demo" และ "Get started free"
- Social Proof: มีตัวเลขผู้ใช้งานและโลโก้รางวัลประกอบ

5. Caterpillar (CAT):
- Headline: "DOING THE WORK THAT MATTERS" (ทำงานที่สำคัญ) - สื่อสารถึงความแข็งแกร่งและจำเป็นในอุตสาหกรรมหนัก
- Sub-headline: ไม่มี แต่ใช้ภาพมาเล่าเรื่องแทน
- Visual: วิดีโอคุณภาพสูงของเครื่องจักรกลหนักกำลังทำงานในไซต์งานจริง สะท้อนความทรงพลังและน่าเชื่อถือ นี่คือตัวอย่างการออกแบบ Landing Page สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม ที่ยอดเยี่ยม
- CTA: ปุ่ม "Explore Products & Services" และ "Find a Dealer" ชัดเจน
- Social Proof: ตัวแบรนด์ Caterpillar เองคือ Social Proof ที่แข็งแกร่งที่สุด

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพ Collage ที่รวม Screenshot ส่วน Above the Fold ของทั้ง 5 เว็บไซต์ตัวอย่างมาวางเรียงกันอย่างสวยงาม

ถ้าอยากทำตามต้องทำยังไง (ใช้ได้ทันที): Checklist 6 ขั้นตอนปรับโฉม Above the Fold

พร้อมจะลงมือปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณแล้วใช่ไหมครับ? ลองทำตาม Checklist 6 ขั้นตอนง่ายๆ นี้ดูได้เลย

  1. กำหนดเป้าหมายอันดับ 1 ของคุณ: ถามตัวเองว่า "การกระทำที่สำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียวที่อยากให้ผู้เข้าชมทำในหน้านี้คืออะไร?" (เช่น นัดเดโม, ขอใบเสนอราคา, ดาวน์โหลดโบรชัวร์) สิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนด CTA หลักของคุณ
  2. ระดมสมองเขียน Value Proposition: ลองเขียน Headline ออกมาหลายๆ แบบ โดยใช้สูตรง่ายๆ: [ผลลัพธ์สุดท้ายที่ลูกค้าต้องการ] + [เพื่อใคร] + [ที่ช่วยแก้ปัญหาอะไร] เช่น "แพลตฟอร์มบัญชีสำหรับฟรีแลนซ์ ที่ช่วยประหยัดเวลาทำเอกสารได้ 10 ชั่วโมงต่อเดือน"
  3. เลือก CTA ที่ทรงพลังที่สุด: ข้อความบนปุ่มต้องเป็นเชิงกระตุ้นให้ลงมือทำและบอกผลลัพธ์ ไม่ใช่คำกว้างๆ อย่าง "ส่งข้อมูล" ลองดู ตัวอย่าง CTA สำหรับเว็บ B2B เพื่อหาแรงบันดาลใจเพิ่มเติม
  4. เลือกภาพที่ใช่: รูปที่ใช้ต้องสื่อสารและเสริมพลังให้ Headline ของคุณ ภาพสินค้ากำลังทำงาน? ภาพทีมของคุณกำลังให้บริการลูกค้า? หรือภาพกราฟแสดงการเติบโต? เลือกที่ทรงพลังที่สุด
  5. รวบรวม Social Proof ที่ดีที่สุด: เลือกโลโก้ลูกค้าที่ดังที่สุด 3-5 รายที่คุณได้รับอนุญาตให้ใช้ หรือเลือก Testimonial ที่ทรงพลังที่สุด 1 ประโยคมาแสดง
  6. ร่างโครงสร้าง (Wireframe) ก่อนลงมือทำจริง: ไม่ต้องสวยก็ได้ครับ แค่ใช้กระดาษกับปากการ่างดูว่าองค์ประกอบทั้ง 5 จะวางอยู่ตรงไหน เพื่อให้เห็นภาพรวมและลำดับความสำคัญ ก่อนจะให้ทีมพัฒนาลงมือทำจริง

การเข้าใจว่า "จะพูดยังไง" เพื่อให้ลูกค้าองค์กรเชื่อมั่น คือกุญแจสำคัญ ลองอ่านเพิ่มเติมเรื่อง วิธีเขียนหน้า 'ทำไมต้องเลือกเรา' เพื่อขัดเกลาการสื่อสารคุณค่าของคุณให้คมขึ้นได้ครับ

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพ Checklist สวยๆ ที่มีไอคอนประกอบแต่ละข้อ (เป้าหมาย, สมอง, ปุ่มเมาส์, รูปภาพ, โลโก้, กระดาษร่าง)

คำถามที่คนมักสงสัย และคำตอบที่เคลียร์

คำถาม: "Above the Fold" ยังสำคัญอยู่ไหม ในเมื่อสมัยนี้ใครๆ ก็เลื่อนจอดูเว็บกันหมดแล้ว?
คำตอบ: สำคัญกว่าเดิมอีกครับ! อย่างที่กล่าวไปข้างต้น มันคือตัวตัดสินว่าผู้เข้าชม "จะยอมเสียเวลาเลื่อนจอลงไปดูต่อหรือไม่" ถ้า 5 วินาทีแรกคุณทำให้เขาสนใจไม่ได้ เขาก็จะกดปิดทันทีโดยไม่เลื่อนไปไหนเลย ลองอ่านบทวิเคราะห์เชิงลึกได้ที่นี่ครับ: Above the Fold ยังสำคัญอยู่ไหม?

คำถาม: ควรมีปุ่ม CTA กี่ปุ่มในส่วน Above the Fold ครับ?
คำตอบ: กฎที่ดีที่สุดคือ "มีปุ่มหลัก (Primary CTA) ที่เด่นที่สุดเพียงปุ่มเดียว" และอาจจะมี "ปุ่มรอง (Secondary CTA)" ที่เด่นน้อยกว่า (เช่น ใช้เป็นตัวหนังสือลิงก์ หรือปุ่มแบบโปร่งแสง) วางอยู่ใกล้ๆ กันได้ เช่น ปุ่มหลักคือ "นัดเดโม" (สีทึบ) และปุ่มรองคือ "ชมวิดีโอ" (แบบโปร่ง) เพื่อให้ทางเลือก แต่ไม่สร้างความสับสน

คำถาม: สำหรับเว็บ B2B ควรใช้รูปถ่ายจริง หรือรูปจาก Stock Photo ดีกว่ากัน?
คำตอบ: รูปถ่ายจริงของทีม, ออฟฟิศ, หรือสินค้าของคุณที่ถ่ายมาอย่างมืออาชีพ จะสร้างความน่าเชื่อถือและความผูกพันได้ดีกว่ารูปสต็อกเสมอครับ เพราะมันแสดงถึงความมีตัวตนอยู่จริง แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้รูปสต็อก ให้เลือกลงทุนกับรูปคุณภาพสูงที่ดูเป็นธรรมชาติและสื่อถึง "ผลลัพธ์" ที่ลูกค้าจะได้รับ ไม่ใช่รูปนายแบบฝรั่งยิ้มแฉ่งในห้องประชุมที่ดูปลอม

คำถาม: เราเป็นบริษัทเล็กๆ ไม่มีโลโก้ลูกค้าดังๆ มาโชว์ จะทำอย่างไรดี?
คำตอบ: ไม่เป็นไรเลยครับ! คุณสามารถใช้ Social Proof ในรูปแบบอื่นได้ เช่น นำ Testimonial หรือคำชมจากลูกค้า (ขออนุญาตก่อน) มาแสดงพร้อมชื่อและบริษัทของเขา, แสดงเคสสตัดดี้สั้นๆ (Mini Case Study) ที่บอกว่าคุณช่วยลูกค้าแก้ปัญหาอะไรและได้ผลลัพธ์ดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์, หรือแสดงจำนวนโปรเจกต์ที่ทำสำเร็จก็ได้ สิ่งเหล่านี้สร้างความน่าเชื่อถือได้ดีไม่แพ้โลโก้เลยครับ

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ไอคอนรูปเครื่องหมายคำถาม (?) ขนาดใหญ่ พร้อมมี bóng đèn (หลอดไฟ) ที่สว่างขึ้นมาอยู่ข้างๆ สื่อถึงการได้รับคำตอบที่ชัดเจน

สรุปให้เข้าใจง่าย + อยากให้ลองลงมือทำ

สรุปแล้ว "ปราการด่านแรก" หรือส่วน Above the Fold ของเว็บไซต์ B2B ของคุณ จะต้องทำหน้าที่เหมือนพนักงานต้อนรับที่เก่งที่สุด คือสามารถบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของธุรกิจคุณได้ภายใน 5 วินาที ด้วย 5 องค์ประกอบสำคัญ: Headline ที่คม, Sub-headline ที่ชัดเจน, Visual ที่ทรงพลัง, CTA ที่นำทาง และ Social Proof ที่สร้างความมั่นใจ

การลงทุนลงแรงเพื่อปรับปรุงพื้นที่เล็กๆ ส่วนนี้ คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดอย่างหนึ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อธุรกิจของคุณ มันสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของเว็บไซต์ จากแค่ "โบรชัวร์ออนไลน์สวยๆ" ให้กลายเป็น "เครื่องมือสร้าง Lead และปิดการขายที่ทำงานให้คุณ 24 ชั่วโมง"

ตอนนี้เลยครับ...ลองเปิดเว็บไซต์ของคุณขึ้นมา แล้วมองเฉพาะส่วนที่ไม่ต้องเลื่อนจอ ถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่า "ถ้าฉันเป็นลูกค้าที่เข้ามาครั้งแรก ฉันจะเข้าใจใน 5 วินาทีไหมว่าที่นี่คืออะไร และฉันควรทำอะไรต่อ?"

ถ้าคำตอบคือ "ไม่" หรือ "ไม่แน่ใจ"...ก็ได้เวลาลงมือเปลี่ยนแปลงแล้วครับ!

หากคุณต้องการทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในการสร้างสรรค์หน้าเว็บที่เปลี่ยนผู้เข้าชมให้เป็นลูกค้าได้จริง ลองพิจารณา บริการออกแบบ UX/UI และ บริการออกแบบ Landing Page ที่เน้น Conversion สูงสุด ของเราสิครับ เราพร้อมให้คำปรึกษาเพื่อหาโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพคนกำลังชี้ไปที่ปุ่ม "Request a Demo" บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ ด้านหลังเป็นกราฟ Conversion ที่กำลังพุ่งทะยานขึ้น

แชร์

Recent Blog

Case Study: เราปั้นเว็บไซต์ SaaS Startup ให้มี Sign Up เพิ่มขึ้น 500% ได้อย่างไร

เจาะลึกเบื้องหลังเคสรีดีไซน์เว็บไซต์ให้ SaaS Startup โดยใช้หลัก CRO และ UX เพื่อเพิ่ม Conversion Rate และจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้งาน

จ้างทำเว็บไซต์ราคาเท่าไหร่? เปิดงบประมาณที่สมเหตุสมผลสำหรับเว็บแต่ละประเภท

แจกแจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการทำเว็บไซต์แต่ละประเภท ตั้งแต่เว็บ SME, Corporate, E-Commerce ไปจนถึงเว็บ Custom พร้อมปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา

Information Architecture (IA) คืออะไร? และทำไมมันคือกระดูกสันหลังของเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย

อธิบายหลักการของ Information Architecture (IA) หรือสถาปัตยกรรมข้อมูล ว่าช่วยจัดระเบียบเนื้อหาและเมนูบนเว็บให้ผู้ใช้หาข้อมูลเจอง่ายได้อย่างไร