🔥 แค่ 5 นาที เปลี่ยนมุมมองได้เลย

ออกแบบ 'Footer' ของเว็บไซต์อย่างไรให้มีประโยชน์และไม่รก

ยาวไป อยากเลือกอ่าน?

เสียเงินทำเว็บเป็นแสน แต่ดันมา “ตกม้าตาย” ที่ส่วนท้ายสุดของเว็บ?

เคยเป็นไหมครับ? เราทุ่มเททั้งเงิน ทั้งเวลา ทั้งพลังสมองไปกับการออกแบบหน้าโฮมเพจให้สวยสะกดใจ, เขียนรายละเอียดสินค้าจนน่าซื้อ, จัดวางปุ่ม CTA (Call-to-Action) ในตำแหน่งที่ดีที่สุด...แต่พอเลื่อนลงมาล่างสุดของเว็บ กลับเจอ Footer (ส่วนท้าย) ที่มีแค่ "© 2025 Your Company Name. All rights reserved." กับลิงก์ไม่กี่อันที่จัดเรียงกันแบบตามมีตามเกิด... ถ้าใช่, คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียวครับ นี่คือ “จุดบอด” ที่เว็บไซต์จำนวนมากมองข้ามไปอย่างน่าเสียดายที่สุด พวกเขาทุ่มเทกับ “การต้อนรับ” ที่สวยหรู แต่กลับละเลย “การบอกลา” ที่ดี ทั้งที่จริงแล้ว Footer คือโอกาสสุดท้ายที่จะสร้างความประทับใจและเปลี่ยนผู้ชมให้เป็นลูกค้าได้

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพเปรียบเทียบ Before-After ของ Footer เว็บไซต์ ด้านซ้ายเป็น Footer ที่มีแค่ข้อความ Copyright ดูโล่งและไร้ประโยชน์ ด้านขวาเป็น Footer ที่จัดวางข้อมูลเป็นระเบียบ สวยงาม และเต็มไปด้วยลิงก์ที่เป็นประโยชน์

ทำไม “Footer” ถึงกลายเป็น “ลิ้นชักเก็บของรกๆ” ของเว็บไซต์?

สาเหตุหลักที่ Footer มักถูกละเลยนั้นมาจาก “Mindset” ล้วนๆ ครับ ในกระบวนการทำเว็บไซต์, Footer มักจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่คนนึกถึง พอพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ถูกใช้ไปกับส่วนบนๆ ของเว็บจนหมดแล้ว Footer ก็เลยกลายเป็นเหมือน “ลิ้นชักเก็บของ” ที่เราโยนทุกลิงก์ที่ไม่รู้จะเอาไปไว้ไหน запихнутьเข้าไปรวมๆ กัน โดยไม่ได้คิดถึงโครงสร้างหรือเป้าหมายอะไรเลย บางคนคิดว่า “ไม่มีใครเลื่อนลงมาดูหรอก” ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดมหันต์! ผู้ใช้งานที่ตั้งใจจริงๆ (High-intent users) มักจะเลื่อนลงมาที่ Footer เพื่อมองหาข้อมูลสำคัญๆ ที่หาจากเมนูด้านบนไม่เจอ เช่น ข้อมูลติดต่อ, ตำแหน่งงาน, หรือนโยบายความเป็นส่วนตัว การมี สถาปัตยกรรมข้อมูล (Information Architecture) ที่ดีจึงต้องครอบคลุมไปถึงส่วนท้ายสุดนี้ด้วย

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพการ์ตูนรูปสมองที่กำลังเหนื่อยล้า กำลังโยนไอคอนลิงก์ต่างๆ (เช่น ไอคอนติดต่อ, ไอคอนโซเชียลมีเดีย) ลงไปในกล่องที่เขียนว่า "Footer" อย่างไม่ใส่ใจ

ปล่อย Footer ให้ “ร้าง” เท่ากับโยน “โอกาสทางธุรกิจ” ทิ้งไปดื้อๆ

การมี Footer ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่ทำให้เว็บดูไม่จบสมบูรณ์ แต่มันส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณมากกว่าที่คิดครับ:

  • เสียโอกาสในการสร้าง Conversion: ผู้ใช้ที่กำลังมองหาช่องทางติดต่อ, สมัครงาน, หรืออ่านเงื่อนไขการบริการ แต่หาไม่เจอ อาจจะล้มเลิกความตั้งใจและออกจากเว็บของคุณไปเลยทันที
  • ทำลายประสบการณ์ผู้ใช้ (UX): เมื่อผู้ใช้คาดหวังจะเจอข้อมูลสำคัญที่ Footer แต่กลับไม่เจอ ความหงุดหงิดจะเกิดขึ้น และความน่าเชื่อถือของเว็บคุณก็จะลดลงตามไปด้วย
  • บั่นทอนคะแนน SEO: Footer คือจุดยุทธศาสตร์ในการวาง Internal Link ไปยังหน้าสำคัญๆ การปล่อยให้พื้นที่ตรงนี้ว่างเปล่า เท่ากับคุณพลาดโอกาสที่จะกระจาย “Link Juice” และช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บของคุณได้ดีขึ้น
  • ทำลายความน่าเชื่อถือ: เว็บไซต์ที่ดูไม่สมบูรณ์ หรือมี Footer ที่ไม่ได้รับการเอาใจใส่ ทำให้ลูกค้าเกิดความลังเลว่าบริษัทของคุณยังเปิดดำเนินการอยู่หรือไม่ หรือมีความเป็นมืออาชีพแค่ไหน การใส่ องค์ประกอบสร้างความน่าเชื่อถือบนเว็บไซต์ จึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้แม้ในส่วนที่เล็กที่สุด

สรุปง่ายๆ คือ Footer ที่ถูกทอดทิ้ง ก็เหมือนพนักงานต้อนรับที่ตอบคำถามลูกค้าไม่ได้นั่นแหละครับ มันสร้างความเสียหายให้แบรนด์และธุรกิจอย่างเงียบๆ

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพอินโฟกราฟิกแสดงผลกระทบด้านลบ 4 อย่าง: ไอคอนรูปลูกค้าเดินหนี (Lost Conversion), ไอคอนหน้าบึ้ง (Bad UX), ไอคอนกราฟ SEO ตก (Weak SEO), และไอคอนโล่แตก (Damaged Trust)

พลิกโฉม Footer ให้กลายเป็น “ผู้ช่วยนักขาย” ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้

ถึงเวลาเปลี่ยน Footer ของคุณให้กลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังแล้วครับ! หลักการสำคัญคือ “จัดระเบียบ” และ “ตอบโจทย์ผู้ใช้” ลองดูว่า Footer ที่ดีควรมีอะไรบ้าง และควรเริ่มจากตรงไหน:

1. จัดโครงสร้างด้วยคอลัมน์และหัวข้อที่ชัดเจน (Hierarchy):

เลิกวางลิงก์เป็นพรืดยาวๆ ได้แล้วครับ! ให้แบ่งเนื้อหาเป็น 3-5 คอลัมน์ แล้วตั้งชื่อหัวข้อให้ชัดเจน เช่น "เกี่ยวกับเรา", "สินค้า/บริการ", "ช่วยเหลือ", "ติดต่อเรา" การทำแบบนี้ช่วยให้ผู้ใช้สแกนหาข้อมูลที่ต้องการได้ในไม่กี่วินาที

2. ใส่ข้อมูลการติดต่อที่จำเป็น (Essential Contact Info):

นี่คือสิ่งที่ผู้ใช้คาดหวังจะเจอมากที่สุด ควรมีชื่อบริษัท, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, และอีเมลที่คลิกได้ทันที การมีข้อมูลครบถ้วนช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้อย่างมหาศาล

3. ลิงก์นำทางที่สำคัญ (Secondary Navigation):

ใส่ลิงก์ไปยังหน้าที่สำคัญแต่ไม่เด่นพอจะอยู่บนเมนูหลัก เช่น "ร่วมงานกับเรา (Careers)", "สำหรับสื่อ (Press)", "บล็อก (Blog)", "คำถามที่พบบ่อย (FAQ)" หรือแม้กระทั่ง หน้านักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations) สำหรับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์

4. องค์ประกอบสร้างความน่าเชื่อถือ (Trust Signals):

ใส่โลโก้รางวัลที่เคยได้รับ, ใบรับรองมาตรฐาน, หรือสัญลักษณ์การชำระเงินที่ปลอดภัย (Security Seals) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ในวินาทีสุดท้ายก่อนตัดสินใจ

5. ช่องทางติดตามและสร้าง Lead (Engagement Tools):

ใส่ไอคอน Social Media ที่ลิงก์ไปยังโปรไฟล์ของคุณ และที่สำคัญคือ “แบบฟอร์มสมัครรับจดหมายข่าว (Newsletter Signup)” แบบง่ายๆ แค่กรอกอีเมลแล้วกดส่ง นี่คือวิธีเก็บ Lead ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะคนที่เลื่อนลงมาถึงล่างสุดคือคนที่สนใจแบรนด์คุณจริงๆ

6. ข้อมูลทางกฎหมาย (The Fine Print):

ลิงก์ไปยังหน้า "นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)" และ "เงื่อนไขการให้บริการ (Terms of Service)" เป็นสิ่งที่ต้องมีเสมอ พร้อมกับข้อความแสดงลิขสิทธิ์ (Copyright Notice) ที่อัปเดตเป็นปีปัจจุบัน

สำหรับไอเดียเพิ่มเติม สามารถศึกษาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดจากแหล่งข้อมูลชั้นนำอย่าง Smashing Magazine หรือดูตัวอย่างสวยๆ จาก HubSpot เพื่อนำมาปรับใช้ได้ครับ

Prompt สำหรับภาพประกอบ: อินโฟกราฟิกที่สมบูรณ์แบบ แสดง Layout ของ Footer ที่ดี แบ่งเป็น 4 คอลัมน์ แต่ละคอลัมน์มีหัวข้อและองค์ประกอบต่างๆ ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น พร้อมคำอธิบายสั้นๆ

ตัวอย่างจากของจริง: จาก Footer ร้างสู่เครื่องมือสร้าง “ผู้สมัครงาน”

บริษัท Tech Startup แห่งหนึ่งเคยปวดหัวอย่างมาก พวกเขาประกาศรับสมัครงานตำแหน่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่กลับมีคนส่งใบสมัครเข้ามาน้อยมาก ทั้งๆ ที่ Traffic เข้าเว็บไซต์ก็ไม่ได้น้อยเลย

ปัญหา: ทีมงานพบว่า ลิงก์ไปยังหน้า "ร่วมงานกับเรา (Careers)" ถูกซ่อนอยู่ในเมนู "เกี่ยวกับเรา" ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ได้คลิกเข้าไปดู ส่วน Footer ของเว็บก็มีแค่โลโก้กับที่อยู่บริษัทเท่านั้น

วิธีแก้: พวกเขาตัดสินใจออกแบบ Footer ใหม่ทั้งหมดบนเว็บไซต์ โดยเพิ่มคอลัมน์ "Company" ขึ้นมาอย่างชัดเจน และวางลิงก์ "Join Our Team" หรือ "Careers" ไว้เป็นลิงก์แรกที่เห็นได้ง่ายที่สุดในคอลัมน์นั้น นอกจากนี้ยังเพิ่มคอลัมน์ "Resources" ที่มีลิงก์ไปยัง Blog เพื่อโชว์ความเชี่ยวชาญของทีม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแม่เหล็กดึงดูดคนเก่งๆ

ผลลัพธ์: เพียง 1 เดือนหลังจากปรับแก้ Footer จำนวนใบสมัครงานที่มีคุณภาพ (Qualified Applicants) เพิ่มขึ้นถึง 300% โดยที่ไม่ต้องเสียงบประมาณยิงแอดเพิ่มเลยแม้แต่บาทเดียว! นี่คือข้อพิสูจน์ว่า Footer ที่ถูกออกแบบมาอย่างมีกลยุทธ์ สามารถช่วยแก้ปัญหาทางธุรกิจและสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้อย่างไม่น่าเชื่อ การเข้าใจ ผลกระทบของสถาปัตยกรรมข้อมูลที่มีต่อ SEO และ UX คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จนี้

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพ Before & After ของ Footer จากเคสตัวอย่าง ด้านซ้ายมีแค่โลโก้ ด้านขวาเป็นดีไซน์ใหม่ที่มีคอลัมน์ "Company" และลิงก์ "Careers" ที่เด่นชัด พร้อมมีตัวเลข "300% Increase in Applicants" แสดงอยู่

Checklist 5 ขั้นตอน ปั้น Footer ของคุณให้ “ทำงาน” ได้ทันที

พร้อมจะลงมือทำแล้วใช่ไหมครับ? ลองทำตาม Checklist ง่ายๆ 5 ขั้นตอนนี้ดูได้เลย:

  1. สำรวจและตั้งเป้าหมาย (Audit & Goal Setting): กลับไปดู Footer ของคุณตอนนี้ มีอะไรอยู่บ้าง? แล้วลองถามตัวเองว่า “เราอยากให้คนทำอะไรต่อจากตรงนี้?” (เช่น ติดต่อเรา, สมัครรับข่าวสาร, หางาน)
  2. ร่างโครงสร้างข้อมูล (Map the IA): ลิสต์ลิงก์ทั้งหมดที่อยากจะใส่ แล้วจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่ที่เข้าใจง่าย (เช่น บริษัท, บริการ, แหล่งข้อมูล, กฎหมาย)
  3. ออกแบบเลย์เอาต์ (Design the Layout): เปิดโปรแกรมออกแบบหรือร่างบนกระดาษก็ได้ โดยใช้ระบบคอลัมน์ (แนะนำ 3-4 คอลัมน์) จัดวางกลุ่มลิงก์ตามที่ร่างไว้ เว้นที่ว่าง (White Space) เยอะๆ เพื่อให้ดูสบายตา
  4. ใส่ Call-to-Action ที่ชัดเจน (Add a CTA): อย่าลืมไฮไลท์สิ่งที่สำคัญที่สุด อาจจะเป็นปุ่ม "ขอคำปรึกษาฟรี" หรือฟอร์มสมัคร Newsletter ที่โดดเด่นออกมา
  5. ตรวจสอบความเรียบร้อยบนมือถือ (Test on Mobile): หลังจากนำไปใส่ในเว็บจริงแล้ว ให้ทดสอบบนจอมือถือทันที! ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลิงก์ไม่เล็กไปจนกดลำบาก และทุกอย่างยังคงแสดงผลเป็นระเบียบเรียบร้อย

แค่ทำตาม 5 ขั้นตอนนี้ Footer ของคุณก็จะเปลี่ยนจากพื้นที่ถูกลืม ให้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจได้แล้วครับ!

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพ Checklist สวยงามแบบกราฟิก มี 5 ข้อ พร้อมไอคอนประกอบในแต่ละข้อ (แว่นขยาย, แผนผัง, ดินสอ, เป้า, มือถือ)

คำถามที่คนมักสงสัย (และคำตอบที่เคลียร์ทุกประเด็น)

Q1: Footer ที่ดี ควรมีลิงก์เยอะแค่ไหน?
A: ไม่มีกฎตายตัวครับ แต่หัวใจคือ “ความเป็นระเบียบและประโยชน์ใช้สอย” ไม่ใช่ “ปริมาณ” โดยทั่วไปแล้ว การมี 3-7 ลิงก์ต่อหนึ่งคอลัมน์ถือว่ากำลังดี ถ้ามันเริ่มดูรกและแน่นเกินไป แสดงว่าคุณอาจต้องกลับไปทบทวนสถาปัตยกรรมข้อมูลของเว็บโดยรวมแล้วครับ

Q2: การใส่ฟอร์มสมัคร Newsletter ใน Footer มันได้ผลจริงเหรอ?
A: ได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อครับ! เพราะผู้ใช้ที่เลื่อนลงมาถึงจุดต่ำสุดของหน้า คือกลุ่มคนที่ “มีส่วนร่วม (Engaged)” กับเนื้อหาของคุณในระดับหนึ่งแล้ว การเสนอช่องทางให้พวกเขาติดตามข่าวสารต่อในจุดนี้จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลและมีโอกาสสำเร็จสูง โดยไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด

Q3: Footer มีผลกับ SEO มากน้อยแค่ไหน?
A: มีผลทางอ้อมแต่สำคัญมากครับ! ลิงก์ที่อยู่ใน Footer จะถูกนับเป็น Internal Link ที่ปรากฏอยู่ “ทุกหน้า” ของเว็บไซต์ (Sitewide Links) มันช่วยส่งสัญญาณให้ Google รู้ว่าหน้าเหล่านั้น (เช่น หน้าติดต่อเรา, เกี่ยวกับเรา, บริการหลัก) คือหน้าที่สำคัญ และยังช่วยให้ Search Engine Bot ค้นพบและทำ Index หน้าต่างๆ ในเว็บเราได้ง่ายขึ้นด้วย

Q4: ทุกวันนี้ยังจำเป็นต้องมีลิงก์ไปยัง “แผนผังเว็บไซต์ (HTML Sitemap)” ใน Footer อยู่ไหม?
A: จำเป็นน้อยลงกว่าแต่ก่อนมากครับ หากเว็บไซต์ของคุณมีโครงสร้างการนำทาง (Navigation) และสถาปัตยกรรมข้อมูลที่ดีเยี่ยมอยู่แล้ว ผู้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพามัน แต่การมีไว้ก็ไม่เสียหายอะไร โดยเฉพาะกับเว็บขนาดใหญ่ที่มีเนื้อหาซับซ้อน มันยังคงเป็นเหมือน "ตาข่ายนิรภัย" ที่ช่วยทั้งผู้ใช้และ Search Bot ให้หาทุกหน้าในเว็บเจอได้

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ไอคอนรูปเครื่องหมายคำถาม (?) ขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยไอคอนเล็กๆ ที่สื่อถึงแต่ละคำถาม (ไอคอนลิงก์, ไอคอนจดหมาย, ไอคอน SEO, ไอคอนแผนผังเว็บไซต์)

สรุป: อย่าปล่อยให้ “ส่วนท้าย” กลายเป็น “จุดอ่อน” ของเว็บไซต์

เราได้เห็นกันไปแล้วว่า Website Footer ไม่ใช่แค่พื้นที่เหลือๆ ท้ายเว็บ แต่เป็นอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่ามหาศาล มันคือ “ตาข่ายนิรภัย” ที่คอยช่วยเหลือผู้ใช้, เป็น “ป้ายบอกทาง” ที่ช่วยเสริมพลังให้ SEO และเป็น “พนักงานขายคนสุดท้าย” ที่ช่วยปิดการขายหรือสร้าง Lead ให้กับคุณได้

การลงทุนลงแรงเพื่อออกแบบ Footer ให้ดี มีโครงสร้างชัดเจน ตอบโจทย์ผู้ใช้ และสร้างความน่าเชื่อถือ คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าที่สุดอย่างหนึ่งในการทำเว็บไซต์ เพราะมันจะทำงานให้คุณตลอด 24 ชั่วโมงในทุกๆ หน้าของเว็บ

ตอนนี้...ลองเปิดเว็บไซต์ของคุณขึ้นมา แล้วเลื่อนลงไปดูที่ “ส่วนท้ายสุด” สิครับ...มันกำลัง “ทำงาน” ให้คุณอยู่ หรือกำลัง “นอนหลับ” ปล่อยโอกาสให้ลอยนวลไป?

ถึงเวลาปลุก Footer ของคุณให้ตื่นขึ้นมาช่วยสร้างการเติบโตให้ธุรกิจแล้ว! เริ่มลงมือปรับปรุงตาม Checklist ที่เราให้ไว้ได้เลยตั้งแต่วันนี้!

หากคุณต้องการผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจลึกซึ้งถึงการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจสูงสุด ปรึกษาทีมงาน Vision X Brain ได้ฟรี! เราพร้อมเปลี่ยนทุกส่วนในเว็บไซต์ของคุณให้กลายเป็นเครื่องมือทำการตลาดที่ทรงพลัง

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพกราฟิกที่ทรงพลัง แสดงจรวดที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นจากส่วน Footer ของเว็บไซต์ สื่อถึงการเติบโตทางธุรกิจที่ขับเคลื่อนจากส่วนที่คนเคยมองข้าม

แชร์

Recent Blog

Out-of-Stock Products: จัดการหน้าสินค้าหมดอย่างไรไม่ให้เสียโอกาส SEO

เมื่อสินค้าหมดสต็อก ควรลบหน้าทิ้ง, redirect, หรือปล่อยไว้? วิเคราะห์กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการจัดการหน้าสินค้าหมดเพื่อรักษา SEO และประสบการณ์ผู้ใช้

สร้างเว็บสำหรับธุรกิจเช่ารถเครน: ต้องมีอะไรบ้างให้เหนือคู่แข่ง

เจาะลึกการออกแบบเว็บไซต์สำหรับธุรกิจให้เช่ารถเครนโดยเฉพาะ ตั้งแต่การแสดงตารางสเปค (Load Chart), การมีระบบขอใบเสนอราคาที่ง่าย, และ Case Study โครงการต่างๆ

วิธีรับมือกับ Negative SEO และการโจมตีจากคู่แข่ง

รู้ทันและรับมือการโจมตีแบบ Negative SEO เช่น การสร้าง Backlink ขยะ, การคัดลอกเนื้อหา ที่อาจทำให้อันดับเว็บของคุณเสียหาย พร้อมเครื่องมือในการตรวจสอบและวิธีป้องกัน