Domain Authority (DA) และ Page Authority (PA) ยังสำคัญอยู่ไหมในปี 2025?

"DA ยังสำคัญอยู่ไหม?" เปิดตำรา SEO ปี 2025: ไขความลับ Domain Authority และ Page Authority ที่นักการตลาดต้องรู้!
นักการตลาด, เจ้าของธุรกิจ, และชาว SEO ทุกท่านครับ! คุณเคย "นอนไม่หลับ" เพราะกังวลกับตัวเลข "Domain Authority (DA)" หรือ "Page Authority (PA)" ของเว็บไซต์ตัวเองบ้างไหมครับ? คุณยังเชื่อมั่นว่าตัวเลขเหล่านี้คือ "ไม้บรรทัด" ที่ใช้วัดความสำเร็จของ SEO ได้อย่างแท้จริงอยู่หรือเปล่า? หรือว่าในโลกของ SEO ปี 2025 ที่ Google Algorithm "ฉลาดขึ้น" และ "เข้าใจผู้ใช้งาน" มากกว่าเดิม ตัวเลขเหล่านี้มัน "ตกยุค" ไปแล้ว?
ปัญหาคลาสสิกที่หลายคนเจอคือ "เว็บไซต์มีเนื้อหาดี ทำ SEO มาเยอะ แต่ DA/PA ไม่ขึ้นเลย!" หรือ "คู่แข่ง DA สูงกว่าเยอะ จะแซงยังไง?" ความกังวลเหล่านี้ทำให้หลายคน "ทุ่มเท" เวลาและทรัพยากรไปกับการ "ปั่น" ตัวเลข DA/PA โดยลืมไปว่า "หัวใจ" ของ SEO จริงๆ แล้วมันคืออะไร และ Google กำลังมองหาอะไรจากเว็บไซต์ของเรากันแน่?
ในบทความนี้ ผมจะพาคุณไป "ไขความลับ" ของ Domain Authority (DA) และ Page Authority (PA) อย่างหมดเปลือก เราจะมาดูกันว่า Metric เหล่านี้คืออะไร, มีที่มาที่ไปอย่างไร, และที่สำคัญที่สุดคือ ในปี 2025 นี้ มันยังคง "สำคัญ" ต่อการจัดอันดับ SEO ของ Google อยู่ไหม? หรือถึงเวลาแล้วที่เราควรจะ "ปรับโฟกัส" ไปที่สิ่งอื่นที่ Google "ให้ค่า" มากกว่า? ถ้าคุณพร้อมที่จะ "อัปเดต" ความรู้ SEO ให้ทันโลก และเข้าใจการทำงานของ Google Algorithm ล่าสุด (Core Update 2025) ที่เน้น E-E-A-T, Helpful Content, และ User Experience (UX) ล่ะก็...ตามมาเลยครับ!
ปัญหาที่เจอจริงในชีวิต: "ทุ่มทำ SEO แต่ DA ไม่ขยับ...หรือมันไม่สำคัญแล้ว?"
[cite_start]
บ่อยครั้งที่นักการตลาดหรือเจ้าของเว็บไซต์มาปรึกษาผมด้วยความ "หนักใจ" กับเรื่อง Domain Authority (DA) และ Page Authority (PA) ครับ [cite: 1] [cite_start]หลายคน "เข้าใจผิด" ว่าตัวเลขเหล่านี้คือ "คะแนน" ที่ Google ใช้จัดอันดับเว็บไซต์โดยตรง [cite: 1] [cite_start]และเมื่อเห็นว่าตัวเลข DA/PA ของตัวเอง "ไม่กระเตื้อง" ทั้งๆ ที่ "ลงแรง" ทำ SEO ไปเยอะ ก็เริ่มรู้สึก "ท้อแท้" และ "ตั้งคำถาม" ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้น "มาถูกทางไหม" [cite: 1] [cite_start]บางคนถึงกับ "ลงทุน" ซื้อลิงก์ หรือทำกิจกรรมที่มุ่งเป้าไปที่การ "เพิ่ม DA" โดยเฉพาะ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ยั่งยืน หรือที่แย่กว่านั้นคือการโดน Google ลงโทษได้ [cite: 1]
[cite_start]
ปัญหาเหล่านี้เกิดจากการตีความ "ความสำคัญ" ของ DA/PA ผิดไป [cite: 1] [cite_start]และการยึดติดกับ Metric ที่ไม่ได้มาจาก Google โดยตรง [cite: 1] [cite_start]ทำให้เราพลาดโอกาสในการโฟกัสไปที่ "แก่นแท้" ของ SEO ที่ Google ต้องการจริงๆ [cite: 1]
Prompt สำหรับภาพประกอบ: "ภาพแสดงนักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจกำลังนั่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้ากังวล มีตัวเลข DA/PA ลอยอยู่เหนือหัว และมีเครื่องหมายคำถามใหญ่ๆ"
ทำไมถึงเกิดปัญหานั้นขึ้น: "รู้จัก DA/PA ให้ลึกกว่าแค่ตัวเลข"
[cite_start]
ก่อนจะตอบว่า DA/PA ยังสำคัญอยู่ไหม เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า "มันคืออะไร" และ "มาจากไหน" ครับ? [cite: 1] [cite_start]Domain Authority (DA) และ Page Authority (PA) ไม่ใช่ Metric ที่ Google สร้างขึ้นมาใช้วัดผลโดยตรงครับ [cite: 1] [cite_start]แต่เป็น "ตัวชี้วัด" ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท Moz เพื่อ "คาดการณ์" ว่าเว็บไซต์หรือหน้านั้นๆ มีแนวโน้มที่จะติดอันดับบนหน้าผลการค้นหาของ Google ได้ดีแค่ไหน [cite: 1, 137] [cite_start][cite: 1]
- [cite_start]
- Domain Authority (DA): เป็นการคาดการณ์ "ความสามารถ" ของโดเมนทั้งหมด (เว็บไซต์) ในการติดอันดับบน Search Engine [cite: 1] [cite_start]คะแนนจะอยู่ระหว่าง 1 ถึง 100 ยิ่งสูงยิ่งดี [cite: 1] [cite_start]Moz คำนวณ DA โดยพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น จำนวนและคุณภาพของ Backlinks ที่ชี้มายังเว็บไซต์นั้นๆ [cite: 1, 137] [cite_start]
- Page Authority (PA): คล้ายกับ DA แต่จะประเมิน "ความสามารถในการติดอันดับ" ของ "หน้าใดหน้าหนึ่ง" โดยเฉพาะ [cite: 1] [cite_start]ปัจจัยในการคำนวณก็คล้ายกับ DA คือเน้นที่ Backlinks ที่ชี้มายังหน้านั้นๆ [cite: 1]
[cite_start]
แล้วทำไมเราถึงติดกับตัวเลขเหล่านี้? [cite: 1] [cite_start]ก็เพราะในอดีต (และบางส่วนในปัจจุบัน) Metric เหล่านี้ถูกใช้เป็น "ตัวแทน" ของความน่าเชื่อถือและความแข็งแกร่งของเว็บไซต์ [cite: 1] [cite_start]ประกอบกับการที่ Google ไม่เคยเปิดเผย Algorithm การจัดอันดับที่ชัดเจน ทำให้ Metric จาก Third-party Tools อย่าง Moz หรือ Ahrefs (ที่ใช้ Domain Rating - DR) กลายเป็นสิ่งที่เราใช้ยึดเหนี่ยวและเปรียบเทียบกับคู่แข่งไปโดยปริยาย [cite: 1, 137]
[cite_start]
แต่ปัญหาคือ โมเดลการคำนวณของ Moz หรือ Ahrefs นั้น "ไม่ได้" เหมือนกับ Google Algorithm เป๊ะๆ [cite: 1] [cite_start]และ Google ก็ไม่ได้ใช้ DA/PA ในการจัดอันดับโดยตรง [cite: 1] [cite_start]การที่ตัวเลขเหล่านี้ไม่ขยับ อาจไม่ได้หมายความว่า SEO ของคุณล้มเหลวเสมอไป แต่มันอาจหมายถึงโมเดลของ Tool นั้นๆ ยังไม่ได้สะท้อนภาพรวมที่แท้จริงของ Google อย่างครบถ้วน [cite: 1]
Prompt สำหรับภาพประกอบ: "ภาพกราฟิกแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง Google Algorithm, Domain Authority, และ Page Authority โดยมีลูกศรชี้ไปมาระหว่างกัน แต่มีเครื่องหมายกากบาทบนลูกศรที่ชี้จาก DA/PA ไปยัง Google Algorithm"
ถ้าปล่อยไว้จะส่งผลยังไงบ้าง: "หลงทางไปกับตัวเลข...ลืมเป้าหมายหลักของ SEO"
การยึดติดกับ Domain Authority (DA) และ Page Authority (PA) มากเกินไปโดยไม่เข้าใจบริบทที่แท้จริง อาจนำไปสู่ "ผลเสีย" หลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์ SEO และธุรกิจของคุณได้ครับ:
- [cite_start]
- เสียเวลาและทรัพยากรไปกับสิ่งที่ไม่ใช่แก่นแท้: หากคุณทุ่มเทงบประมาณและเวลาไปกับการ "ปั่น" ตัวเลข DA/PA โดยเฉพาะ โดยไม่ได้โฟกัสไปที่คุณภาพเนื้อหา, ประสบการณ์ผู้ใช้, หรือการสร้าง Backlink ที่เป็นธรรมชาติ คุณอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ SEO อย่างที่คาดหวัง [cite: 1] [cite_start]
- พลาดโอกาสในการสร้างเว็บไซต์ที่ Google รัก: Google Algorithm ล่าสุด (Core Update 2025) ให้ความสำคัญกับ E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) และ Helpful Content มากกว่าเดิมเป็นอย่างมาก [cite: 1] [cite_start]หากคุณมัวแต่ไล่ตามตัวเลข DA/PA คุณอาจจะละเลยการสร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์และน่าเชื่อถือจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Google ต้องการ [cite: 1, 136] [cite_start]
- เว็บไซต์ถูกมองข้ามจากผู้ใช้งานจริง: ต่อให้ DA/PA คุณสูงแค่ไหน แต่ถ้าเว็บไซต์ "ใช้งานยาก" (User Experience - UX ไม่ดี) หรือเนื้อหา "ไม่ตรงใจ" ลูกค้าก็จะ "ปิดหนี" ทันที [cite: 1] [cite_start]ซึ่งจะส่งผลให้ Conversion Rate ต่ำลง และ Google ก็จะรับรู้ถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีนี้และอาจส่งผลต่ออันดับในระยะยาวได้ [cite: 1] [cite_start]
- อาจนำไปสู่การทำ SEO ที่ไม่ถูกหลัก: การพยายามเพิ่ม DA/PA อย่างรวดเร็วอาจนำไปสู่การสร้าง Backlink ที่ไม่มีคุณภาพ หรือการทำ SEO แบบ "Black Hat" ที่เสี่ยงต่อการโดน Google Penalize หรือทำให้อันดับตกอย่างรุนแรง [cite: 1]
การเข้าใจ กลยุทธ์ Internal Link Building ที่ดี ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งโดยรวมของเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวเลขภายนอกมากเกินไป
Prompt สำหรับภาพประกอบ: "ภาพแสดงเว็บไซต์ที่ดูดีมีตัวเลข DA/PA สูง แต่กลับมีผู้ใช้งานกำลังถอนหายใจและเดินออกไปจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ บ่งบอกถึง UX ที่ไม่ดี"
มีวิธีไหนแก้ได้บ้าง และควรเริ่มจากตรงไหน: "เลิกวิ่งตามตัวเลข...หันมาสร้างคุณค่าที่ Google รัก"
[cite_start]
แล้วถ้า Domain Authority (DA) และ Page Authority (PA) ไม่ใช่ "ทุกสิ่ง" ในโลกของ SEO ปี 2025 เราควรจะโฟกัสไปที่อะไรแทน? [cite: 1] [cite_start]คำตอบคือ เราต้อง "เปลี่ยน Mindset" ครับ [cite: 1] [cite_start]จากการวิ่งตาม "ตัวเลข" ของ Third-party Tools มาเป็นการสร้าง "คุณค่า" ที่ Google และผู้ใช้งาน "มองเห็น" และ "ให้ค่า" จริงๆ [cite: 1] และนี่คือสิ่งที่คุณควรเริ่มต้น:
- สร้างเนื้อหาที่เป็น "Helpful Content" อย่างแท้จริง:
- [cite_start]
- ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน: เนื้อหาของคุณต้องแก้ปัญหา, ให้ข้อมูลที่ครบถ้วน, และตอบคำถามที่ผู้ใช้งานกำลังมองหาได้อย่างชัดเจน [cite: 1] [cite_start]
- ลึกซึ้งและมีคุณภาพ: อย่าเขียนแค่ผิวเผิน จงลงรายละเอียดในสิ่งที่ผู้ใช้งานอยากรู้ ให้ข้อมูลที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น [cite: 1] [cite_start]
- อัปเดตและน่าเชื่อถือ: ตรวจสอบข้อมูลให้ทันสมัยเสมอ และอ้างอิงจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ [cite: 1]
- ยกระดับ E-E-A-T ของเว็บไซต์คุณ:
- [cite_start]
- Experience (ประสบการณ์): แสดงให้เห็นว่าคุณมีประสบการณ์ตรงในหัวข้อที่เขียน เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์จริง หรือการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง [cite: 1] [cite_start]
- Expertise (ความเชี่ยวชาญ): นำเสนอความรู้เชิงลึกในสาขาของคุณ อาจผ่านบทความเชิงเทคนิค, งานวิจัย, หรือการเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม [cite: 1] [cite_start]
- Authoritativeness (การมีอำนาจในเรื่องนั้นๆ): การที่ผู้อื่น (เว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ) อ้างอิงถึงคุณ หรือการที่คุณได้รับรางวัล/การยอมรับในวงกว้าง [cite: 1] [cite_start]
- Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ): มีข้อมูลติดต่อที่ชัดเจน, นโยบายความเป็นส่วนตัว, การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล, และการทำธุรกรรมที่โปร่งใส [cite: 1]
- มอบ "User Experience (UX)" ที่ยอดเยี่ยม:
- [cite_start]
- เว็บไซต์โหลดเร็ว: ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บเป็นสิ่งสำคัญมาก ทั้งต่อผู้ใช้งานและต่อ Google [cite: 1] [cite_start]
- Mobile-Friendly: เว็บไซต์ต้องแสดงผลและใช้งานได้ดีบนทุกอุปกรณ์ โดยเฉพาะมือถือ [cite: 1] [cite_start]
- โครงสร้างเว็บไซต์ชัดเจน: ผู้ใช้งานต้องหาสิ่งที่ต้องการเจอได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเมนูนำทาง หรือข้อมูลต่างๆ [cite: 1] [cite_start]
- ดีไซน์สวยงามและใช้งานง่าย: เว็บไซต์ควรดูเป็นมืออาชีพ สะอาดตา และไม่ซับซ้อน [cite: 1]
- สร้าง Backlinks คุณภาพสูงแบบเป็นธรรมชาติ:
- [cite_start]
- เน้นคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ: Backlinks ที่ดีที่สุดคือลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง มีความน่าเชื่อถือ และเป็นธรรมชาติ [cite: 1] [cite_start]
- สร้างความสัมพันธ์: สร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม หรือบล็อกเกอร์ เพื่อให้เกิดการอ้างอิงถึงเนื้อหาของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ [cite: 1] [cite_start]
- Digital PR: ทำเนื้อหาที่น่าสนใจและเป็นข่าว เพื่อให้สื่อหรือเว็บไซต์อื่นๆ หยิบยกไปพูดถึง [cite: 1]
การปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับ SEO อย่างแท้จริง สามารถทำได้โดยการศึกษา วิธีจัดอันดับบน Google ด้วย Webflow ซึ่งเน้นที่โครงสร้างและประสิทธิภาพ
Prompt สำหรับภาพประกอบ: "ภาพแสดงเว็บไซต์ที่ดูสะอาดตา ใช้งานง่าย มีเนื้อหาที่น่าสนใจ และมีองค์ประกอบ E-E-A-T ชัดเจน พร้อมผู้ใช้งานที่มีความสุข"
ตัวอย่างจากของจริงที่เคยสำเร็จ: "จาก 'โนเนม' สู่ 'เบอร์หนึ่ง' ด้วยคุณภาพ ไม่ใช่แค่ตัวเลข DA"
ผมมีเคสจริงที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังครับ เป็นเว็บไซต์ SME แห่งหนึ่งที่ทำธุรกิจให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ เริ่มต้นจาก DA ที่ค่อนข้างต่ำ (ประมาณ 10-15) ซึ่งหลายคนอาจมองว่า "อ่อนแอ" ในสายตาของ SEO
- ปัญหาเดิม: เว็บไซต์เดิมมีเนื้อหาค่อนข้างน้อย, ไม่ได้อัปเดตบ่อย, และ Backlinks ส่วนใหญ่เป็นแบบเก่าๆ ที่ไม่มีคุณภาพมากนัก ทำให้ไม่ค่อยมีคนรู้จักและติดอันดับไม่ดีนักใน Keyword ที่ต้องการ
- สิ่งที่เปลี่ยน: แทนที่จะไปนั่งกังวลกับ DA ผมแนะนำให้ทีมงาน "พุ่งเป้า" ไปที่การสร้าง "Helpful Content" ที่ลึกซึ้งและถูกต้องตามหลักวิชาการ เน้น E-E-A-T อย่างเต็มที่ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ (หมอ, นักโภชนาการ) มาช่วยเขียนและรีวิวเนื้อหา [cite: 1] รวมถึงปรับปรุง User Experience (UX) ของเว็บไซต์ให้โหลดเร็วขึ้น และใช้งานง่ายบนมือถือ
- ผลลัพธ์ที่ได้: หลังจากการปรับเปลี่ยนเพียง 6-8 เดือน เว็บไซต์นี้ไม่ได้มี DA ที่พุ่งพรวดพราดจนน่าตกใจ (อาจจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 25-30) แต่สิ่งที่ "น่าทึ่ง" กว่านั้นคือ:
- อันดับ Keyword "พุ่ง" ขึ้น: หลาย Keyword ที่ต้องการติดอันดับ 1-3 บน Google แม้จะมีคู่แข่งที่มี DA สูงกว่ามากก็ตาม
- Traffic แบบ Organic "เพิ่มขึ้นมหาศาล": จากเดิมที่มี Organic Traffic เพียงหลักร้อยต่อเดือน กลายเป็นหลักหมื่นถึงแสนต่อเดือน
- อัตรา Conversion "สูงขึ้น": ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น นำไปสู่การโทรสอบถามและนัดปรึกษามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด [cite_start]
- แบรนด์เป็นที่รู้จัก: สื่อและเว็บไซต์สุขภาพอื่นๆ เริ่มอ้างอิงถึงบทความของพวกเขา ทำให้เกิด Backlinks คุณภาพสูงแบบเป็นธรรมชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง (ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการทำ Helpful Content ไม่ใช่การ "ปั่น" DA) [cite: 1]
[cite_start]
เคสนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า การโฟกัสที่ "คุณภาพ" และ "คุณค่า" ที่มอบให้ผู้ใช้งาน (ตามหลัก E-E-A-T และ Helpful Content) สำคัญกว่าการพยายาม "ปั่นตัวเลข" ของ Third-party Metric อย่าง DA/PA มากมายนัก [cite: 1] นี่คือแก่นแท้ของ SEO ที่ยั่งยืนในปี 2025 ครับ
Prompt สำหรับภาพประกอบ: "ภาพกราฟิกแสดงเส้นกราฟ Organic Traffic และ Conversion Rate ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีไอคอน E-E-A-T ลอยอยู่รอบๆ"
ถ้าอยากทำตามต้องทำยังไง (ใช้ได้ทันที): "Checklist สู่ SEO ยั่งยืน ไม่ต้องสน DA/PA"
เอาล่ะครับ! หลังจากที่เราได้เห็นพลังของการโฟกัสไปที่ E-E-A-T, Helpful Content, และ UX แทนการยึดติดกับ DA/PA แล้ว ทีนี้มาดูกันว่าคุณจะสามารถ "ลงมือทำ" อะไรได้บ้าง "ทันที" เพื่อยกระดับ SEO ของคุณให้ยั่งยืนในปี 2025:
- สำรวจและทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณอย่างลึกซึ้ง:
- พวกเขาคือใคร? มีปัญหาอะไร? กำลังมองหาอะไร?
- ใช้เครื่องมือ Keyword Research เพื่อหาว่าพวกเขากำลังค้นหาอะไรใน Google และมี "Search Intent" แบบไหน
- สร้างแผนการผลิต "Helpful Content" ที่มีคุณภาพสูง:
- ระบุหัวข้อที่สามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้กับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้อย่างลึกซึ้ง
- วางแผนโครงสร้างบทความให้ครอบคลุมทุกมิติของหัวข้อนั้นๆ
- เขียนเนื้อหาด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย เป็นธรรมชาติ และมีความเชี่ยวชาญ
- ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและอ้างอิงแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ
- ปรับปรุง E-E-A-T ให้ชัดเจนบนเว็บไซต์ของคุณ:
- สำหรับ Experience: หากเนื้อหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ให้รีวิวจากการใช้งานจริง, หากเกี่ยวกับบริการ ให้เล่า Case Study ที่คุณมีส่วนร่วม
- สำหรับ Expertise: สร้าง Bio ของผู้เขียน/ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน ให้แสดงถึงความรู้และประสบการณ์อย่างชัดเจน, มีบทความเชิงลึกที่แสดงความเชี่ยวชาญ
- สำหรับ Authoritativeness: หากมีสื่อพูดถึง หรือมีรางวัล/การยอมรับ ให้แสดงผลบนเว็บไซต์, สร้าง Network กับผู้เชี่ยวชาญในวงการ
- สำหรับ Trustworthiness: มีหน้า Contact Us ที่ชัดเจน, นโยบายความเป็นส่วนตัว, Terms & Conditions, และรีวิวจากลูกค้า (ถ้าเป็น E-commerce)
- ตรวจสอบและปรับปรุง User Experience (UX) ของเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ:
- [cite_start]
- ความเร็วในการโหลด: ใช้ Google PageSpeed Insights เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาความเร็ว [cite: 137]
- Mobile-Friendly: ตรวจสอบการแสดงผลและการใช้งานบนมือถือทุกหน้า
- Navigation: เมนูนำทางต้องชัดเจน ไม่ซับซ้อน ผู้ใช้งานหาสิ่งที่ต้องการเจอได้ง่าย
- Call-to-Action (CTA): ปุ่ม CTA ต้องเด่นชัด ข้อความกระตุ้น และวางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
- มุ่งเน้นการสร้าง Backlinks คุณภาพสูงอย่างเป็นธรรมชาติ:
- สร้างเนื้อหาที่ดีจนคนอยากลิงก์ถึงเอง (Earned Links) [cite_start]
- ทำ Digital PR เพื่อให้เว็บไซต์ข่าว หรือบล็อกเกอร์ที่มีคุณภาพนำไปอ้างอิง [cite: 1, 137]
- พยายามสร้างความสัมพันธ์กับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องและมีความน่าเชื่อถือในวงการของคุณ
การทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในปี 2025 ไม่ใช่แค่การทำ Backlink แต่ต้องรวมถึงการเข้าใจจิตวิทยาของผู้ใช้งาน ซึ่งการทำ Website Renovation อาจเป็นทางออกที่ตอบโจทย์
Prompt สำหรับภาพประกอบ: "ภาพ Checklist ที่มีเครื่องหมายถูกในช่องต่างๆ เกี่ยวกับ Helpful Content, E-E-A-T, UX, และ Quality Backlinks พร้อมไอคอนประกอบแต่ละข้อ"
คำถามที่คนมักสงสัย และคำตอบที่เคลียร์: "DA/PA ในปี 2025 มีคำถามอะไรอีก?"
เพื่อให้ทุกท่านคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับ Domain Authority (DA) และ Page Authority (PA) ในบริบทของ SEO ปี 2025 ผมได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบที่ชัดเจนมาให้ครับ:
Q1: Domain Authority (DA) ยังเป็น Metric ที่ "Google ใช้" ในการจัดอันดับอยู่ไหมในปี 2025?
A: ไม่ครับ! [cite_start]Google ไม่ได้ใช้ Domain Authority (DA) หรือ Page Authority (PA) ของ Moz ในการจัดอันดับเว็บไซต์โดยตรง [cite: 1] [cite_start]DA/PA เป็นตัวชี้วัดที่สร้างขึ้นโดย Moz เพื่อ "คาดการณ์" ความสามารถในการติดอันดับของเว็บไซต์เท่านั้น [cite: 1] [cite_start]Google มี Algorithm ของตัวเองที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก และพิจารณาจากปัจจัยหลายร้อยอย่าง [cite: 1] [cite_start]สิ่งที่ Google ให้ความสำคัญจริงๆ คือคุณภาพของเนื้อหา (Helpful Content), ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ (E-E-A-T), และประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (UX) [cite: 1]
Q2: แล้วถ้า DA ของคู่แข่งสูงกว่าเรามาก เราจะไม่มีทางแซงเขาได้เลยใช่ไหม?
A: ไม่จริงครับ! [cite_start]การที่คู่แข่งมี DA สูงกว่าไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่มีโอกาสแซง [cite: 1] [cite_start]คุณสามารถแซงได้ด้วยการโฟกัสไปที่ "คุณภาพ" และ "คุณค่า" ของเนื้อหาใน Niche ของคุณเอง [cite: 1] [cite_start]สร้าง Helpful Content ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน [cite: 1] [cite_start]ปรับปรุง E-E-A-T และ UX ของเว็บไซต์ให้ดีกว่าคู่แข่ง [cite: 1] [cite_start]และสร้าง Backlinks คุณภาพสูงแบบเป็นธรรมชาติ [cite: 1] [cite_start]Google จะให้รางวัลกับเว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้งานเสมอ [cite: 1]
Q3: เราควร "เลิกสนใจ" DA/PA ไปเลยไหม?
[cite_start]
A: ไม่ได้ถึงกับต้อง "เลิกสนใจไปเลย" ครับ [cite: 1] [cite_start]DA/PA ยังคงเป็น "ตัวชี้วัดเบื้องต้น" ที่มีประโยชน์สำหรับการประเมินภาพรวมความแข็งแกร่งของ Backlink Profile และการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง "คร่าวๆ" ได้ [cite: 1] [cite_start]แต่คุณไม่ควรกำหนดให้เป็น "เป้าหมายหลัก" ของกลยุทธ์ SEO [cite: 1] [cite_start]ใช้มันเป็นเพียง "หนึ่งในหลายๆ Metric" ที่ช่วยในการวิเคราะห์เท่านั้น [cite: 1] [cite_start]โฟกัสหลักของคุณควรอยู่ที่ปัจจัยที่ Google ให้ความสำคัญโดยตรง [cite: 1]
Q4: การสร้าง Backlinks ยังสำคัญอยู่ไหม? และควรสร้างอย่างไรในปี 2025?
[cite_start]
A: การสร้าง Backlinks ยังคง "สำคัญมาก" ครับ [cite: 1] [cite_start]เพราะมันคือหนึ่งในสัญญาณหลักที่บอก Google ว่าเว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือและมีอำนาจ [cite: 1] [cite_start]แต่ในปี 2025 Google เน้น "คุณภาพ" ของ Backlinks มากกว่า "ปริมาณ" [cite: 1] [cite_start]คุณควรเน้นการสร้าง Backlinks ที่มาจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ, เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ, และเป็นธรรมชาติ [cite: 1] [cite_start]การทำ Digital PR เพื่อสร้าง High-Quality Backlinks เป็นกลยุทธ์ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ [cite: 1, 137]
Prompt สำหรับภาพประกอบ: "ภาพไอคอนคำถามและคำตอบที่ล้อมรอบด้วยไอคอนของ Google, E-E-A-T, Helpful Content, และ UX"
สรุปให้เข้าใจง่าย + อยากให้ลองลงมือทำ: "เปลี่ยนโฟกัส...เปลี่ยนผลลัพธ์!"
[cite_start]
ในยุค SEO ปี 2025 นี้ ขอบอกเลยว่า "เลิกวิ่งตามตัวเลข Domain Authority (DA) และ Page Authority (PA) ได้แล้วครับ!" [cite: 1] [cite_start]ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงการคาดการณ์จาก Third-party Tools เท่านั้น [cite: 1] [cite_start]Google ไม่ได้ใช้มันในการจัดอันดับโดยตรง [cite: 1] สิ่งที่ Google ให้ความสำคัญ และสิ่งที่คุณควร "ทุ่มเท" เวลาและทรัพยากรไปกับมันอย่างเต็มที่คือ:
- [cite_start]
- E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness): สร้างเว็บไซต์ที่แสดงถึงประสบการณ์จริง, ความเชี่ยวชาญ, ความมีอำนาจ, และความน่าเชื่อถือในสิ่งที่คุณทำ [cite: 1] [cite_start]
- Helpful Content: ผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์ผู้ใช้งานอย่างแท้จริง และแก้ปัญหาให้พวกเขาได้ [cite: 1] [cite_start]
- User Experience (UX): ทำให้เว็บไซต์ของคุณใช้งานง่าย, โหลดเร็ว, และเป็นมิตรกับผู้ใช้งานบนทุกอุปกรณ์ [cite: 1] [cite_start]
- Backlinks คุณภาพสูง: สร้าง Backlinks ที่มาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและเกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรมชาติ [cite: 1]
[cite_start]
ถ้าคุณสามารถโฟกัสไปที่ 4 แกนหลักนี้ได้อย่างสม่ำเสมอ ผมรับรองว่าเว็บไซต์ของคุณจะ "แข็งแกร่ง" ในสายตาของ Google และสามารถ "แซง" คู่แข่งที่มี DA สูงกว่าได้อย่างแน่นอน [cite: 1] [cite_start]ยอด Organic Traffic จะเพิ่มขึ้น Conversion Rate จะดีขึ้น และธุรกิจของคุณจะเติบโตอย่างยั่งยืน [cite: 1]
อย่ารอช้าครับ! "ได้เวลาลงมือทำ!" [cite_start]ลองกลับไป "Audit" เว็บไซต์ของคุณใหม่ โดยใช้ Checklist ที่ผมให้ไป และเริ่มปรับปรุงในสิ่งที่ Google "ให้ค่า" จริงๆ ตั้งแต่วันนี้ [cite: 1] เปลี่ยนโฟกัส...แล้วคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างน่าทึ่ง! ถ้าต้องการความช่วยเหลือในการปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและ SEO สามารถปรึกษา บริการ Website Renovation ของเรา ได้เลยครับ!
Prompt สำหรับภาพประกอบ: "ภาพนักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจกำลังยิ้มอย่างมั่นใจ พร้อมไอคอน E-E-A-T, Helpful Content, UX และ Backlinks คุณภาพสูงลอยอยู่รอบๆ บ่งบอกถึงความสำเร็จในการทำ SEO ที่ยั่งยืน"
Recent Blog

เมื่อสินค้าหมดสต็อก ควรลบหน้าทิ้ง, redirect, หรือปล่อยไว้? วิเคราะห์กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการจัดการหน้าสินค้าหมดเพื่อรักษา SEO และประสบการณ์ผู้ใช้

เจาะลึกการออกแบบเว็บไซต์สำหรับธุรกิจให้เช่ารถเครนโดยเฉพาะ ตั้งแต่การแสดงตารางสเปค (Load Chart), การมีระบบขอใบเสนอราคาที่ง่าย, และ Case Study โครงการต่างๆ

รู้ทันและรับมือการโจมตีแบบ Negative SEO เช่น การสร้าง Backlink ขยะ, การคัดลอกเนื้อหา ที่อาจทำให้อันดับเว็บของคุณเสียหาย พร้อมเครื่องมือในการตรวจสอบและวิธีป้องกัน