🔥 แค่ 5 นาที เปลี่ยนมุมมองได้เลย

วิธีเชื่อมต่อ HubSpot กับ Webflow เพื่อทำ Marketing Automation เต็มรูปแบบ

ยาวไป อยากเลือกอ่าน?

เว็บสวย...แต่ลูกค้าหายเกลี้ยง? ปัญหาที่คนทำเว็บ Webflow และทีม Marketing เจอจริง

เคยปวดหัวกับสถานการณ์แบบนี้ไหมครับ? คุณมีเว็บไซต์ที่ออกแบบบน Webflow ได้อย่างสวยงาม ทันสมัย โหลดเร็วปรี๊ด แต่พอนำไปใช้จริงกลับพบว่า...ข้อมูลลูกค้าที่กรอกผ่านฟอร์มบนเว็บมันกระจัดกระจายไปหมด! ทีม Marketing ต้องคอยดึงข้อมูล manualmente ทีละรายชื่อเพื่อเอาไปใส่ใน HubSpot, ทีม Sales ก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของ Lead แต่ละคนว่าเข้ามาจากหน้าไหน สนใจอะไรเป็นพิเศษ สุดท้ายแล้ว Lead ที่ได้มาก็หลุดลอยหายไปในอากาศ ไม่เกิดการติดตามผล (Nurturing) ที่ควรจะเป็น... ถ้าคุณกำลังพยักหน้าอยู่ แสดงว่าคุณมาถูกที่แล้วครับ

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพที่แสดงให้เห็นถึงความหงุดหงิดของทีมการตลาดที่ต้องทำงานกับข้อมูลที่กระจัดกระจาย ด้านหนึ่งเป็นหน้าจอ Webflow ที่สวยงาม อีกด้านเป็นตาราง Excel ที่ยุ่งเหยิง และมีไอคอน Lead หลุดลอยหายไป

ทำไม Webflow กับ HubSpot ถึงไม่คุยกันเอง? ไขสาเหตุที่ข้อมูลไม่เชื่อมต่อ

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าแค่ใช้เครื่องมือที่ดีที่สุด 2 อย่างมารวมกัน (Webflow สำหรับทำเว็บ และ HubSpot สำหรับทำ Marketing) แล้วทุกอย่างจะทำงานร่วมกันได้เองโดยอัตโนมัติ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองแพลตฟอร์มนี้เปรียบเสมือน "เกาะ" คนละเกาะครับ Webflow คือเกาะแห่งการออกแบบที่ยืดหยุ่นและสวยงาม ส่วน HubSpot คือเกาะแห่งข้อมูลลูกค้าและระบบอัตโนมัติที่ทรงพลัง หากไม่มี "สะพาน" ที่ถูกต้องเชื่อมระหว่างสองเกาะนี้ ข้อมูลก็ไม่สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ สาเหตุหลักๆ เกิดจาก:

  • ระบบที่แยกจากกันโดยสิ้นเชิง: Webflow จัดการหน้าบ้าน (Website & Forms) ในขณะที่ HubSpot จัดการหลังบ้าน (CRM & Automation) โดยธรรมชาติแล้วมันไม่ได้ถูกสร้างมาให้เชื่อมกันในคลิกเดียว
  • ความซับซ้อนทางเทคนิค: หลายคนคิดว่าการเชื่อมต่อระบบเป็นเรื่องยาก ต้องใช้โปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดที่ซับซ้อน เลยเลือกที่จะทำงานแบบ Manual ต่อไปเพราะคิดว่าง่ายกว่า
  • ไม่รู้ว่ามีวิธีที่ง่ายกว่า: ข่าวดีก็คือ เราไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเสมอไป! มีเครื่องมือและวิธีการที่ช่วยสร้าง "สะพาน" นี้ได้อย่างง่ายดายกว่าที่คิดเยอะครับ

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพแผนที่ที่มีเกาะ 2 เกาะ ชื่อว่า "Webflow Island" และ "HubSpot Island" โดยมีช่องว่างขนาดใหญ่คั่นกลางระหว่างกัน สื่อถึงการที่ระบบยังไม่ได้เชื่อมต่อกัน

ปล่อยไว้...เสียหายกว่าที่คิด! ผลกระทบเมื่อข้อมูลการตลาดของคุณเป็น "ไซโล"

การปล่อยให้ข้อมูลลูกค้าจากเว็บ Webflow และระบบ Marketing Automation ของ HubSpot แยกจากกัน ไม่ใช่แค่ทำให้ทีมทำงานเหนื่อยขึ้นนะครับ แต่มันส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจในแบบที่คุณอาจคาดไม่ถึง:

  • เสียโอกาสทางธุรกิจ (Lost Leads): Lead ที่กรอกฟอร์มเข้ามาอาจไม่มีใครติดตามผล หรือติดตามช้าเกินไปจนลูกค้าไปหาคู่แข่งแล้ว
  • การตลาดที่ไร้ทิศทาง: คุณจะไม่รู้เลยว่า Lead คนนี้สนใจอ่านบทความไหน หรือเข้าดูหน้าสินค้าอะไรบนเว็บก่อนจะติดต่อเข้ามา ทำให้การทำ Lead Nurturing หรือการส่งอีเมลติดตามผลเป็นไปแบบหว่านแห ไม่ตรงจุด
  • วัดผล ROI ไม่ได้: คุณทุ่มเงินลงโฆษณาไปเท่าไหร่ แต่ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่า Lead ที่ได้มามีคุณภาพแค่ไหน และแคมเปญไหนที่สร้างผลลัพธ์ได้ดีที่สุด เพราะข้อมูล Customer Journey มันขาดหายไป
  • ประสบการณ์ลูกค้าที่ย่ำแย่: ลองคิดดูว่าลูกค้ากรอกฟอร์มขอเดโม แต่กลับได้รับอีเมลแนะนำบทความทั่วไปที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาสนใจ มันคือการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ไม่ดีเลย การสร้างประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่ต้นนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะในขั้นตอน การดูแลลูกค้าใหม่ (Customer Onboarding)

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพท่อน้ำที่มีรอยรั่วขนาดใหญ่ มีไอคอนรูป Lead และเงินไหลทะลักออกมาจากรอยรั่วนั้น สื่อถึงการสูญเสียโอกาสและงบประมาณ

มีทางออก! 2 วิธีหลักเชื่อมต่อ Webflow เข้ากับ HubSpot (และควรเริ่มจากวิธีไหน)

ถึงเวลาสร้าง "สะพาน" เชื่อมสองเกาะนี้เข้าด้วยกันแล้วครับ! วิธีการเชื่อมต่อ Webflow กับ HubSpot ที่นิยมและได้ผลดีที่สุดมี 2 วิธีหลักๆ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีแตกต่างกันไป:

  1. วิธีที่ 1: การเชื่อมต่อโดยตรง (Direct Integration) - แนะนำให้เริ่มจากวิธีนี้!
    นี่คือวิธีที่ง่ายและทรงพลังที่สุดครับ คือการนำ "Tracking Code" ของ HubSpot ไปฝังไว้ในเว็บไซต์ Webflow ของคุณ และใช้ "HubSpot Forms" แทนฟอร์มเดิมของ Webflow โดยตรง วิธีนี้จะทำให้ HubSpot สามารถติดตามพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชมทุกคนบนเว็บของคุณได้อย่างละเอียด และทุกข้อมูลที่กรอกผ่านฟอร์มจะถูกส่งเข้า HubSpot CRM แบบเรียลไทม์ทันที
  2. วิธีที่ 2: การใช้ตัวกลาง (Middleware Integration)
    วิธีนี้คือการใช้ Webflow Forms เหมือนเดิม แต่ใช้บริการตัวกลางอย่าง Zapier หรือ Make (Integromat) เพื่อเป็นคนคอยส่งข้อมูลจาก Webflow ไปยัง HubSpot อีกทีหนึ่ง วิธีนี้เหมาะสำหรับกรณีที่คุณต้องการดีไซน์ฟอร์มที่ซับซ้อนมากๆ ด้วยเครื่องมือของ Webflow แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการตั้งค่าที่หลายขั้นตอนและอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากบริการตัวกลาง

คำแนะนำ: สำหรับ 90% ของธุรกิจ ควรเริ่มต้นด้วย วิธีที่ 1 (การเชื่อมต่อโดยตรง) เพราะมันให้ข้อมูลที่ลึกที่สุด (Full Customer Journey Tracking) ตั้งค่าง่าย และทำให้คุณใช้พลังของ HubSpot ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดครับ

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพไดอะแกรมเปรียบเทียบ 2 วิธี วิธีแรกเป็นเส้นตรงจาก Webflow ไป HubSpot (Direct Integration) และวิธีที่สองมีโลโก้ Zapier อยู่ตรงกลางระหว่าง Webflow กับ HubSpot (Middleware Integration) โดยมีดาวเด่นอยู่ที่วิธีแรก

ตัวอย่างความสำเร็จ: เมื่อ B2B Tech Company เพิ่ม Quality Lead ได้ 250%

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ผมขอยกตัวอย่างบริษัท Tech แห่งหนึ่งที่ให้บริการซอฟต์แวร์แบบ B2B พวกเขามี Content Hub ที่ยอดเยี่ยมบน Webflow ให้ความรู้ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ แต่ปัญหาคือ "ไม่รู้ว่าใครอ่านอะไรบ้าง" และ Lead ที่ได้มาก็ดูเหมือนๆ กันไปหมด

ก่อนการเชื่อมต่อ: ทีม Sales ได้รับแค่ชื่อ อีเมล และเบอร์โทรจากฟอร์ม "ขอใบเสนอราคา" บนเว็บ Webflow โดยไม่รู้เลยว่า Lead คนนั้นเคยอ่านบทความ "เปรียบเทียบฟีเจอร์" หรือเคยเข้าหน้า "กรณีศึกษา" มาก่อนหรือไม่ ทำให้การพูดคุยเป็นไปอย่างยากลำบาก

หลังการเชื่อมต่อ Webflow กับ HubSpot: พวกเขาได้ฝัง Tracking Code และเปลี่ยนไปใช้ HubSpot Forms ทันทีที่ทำเสร็จ สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น! ตอนนี้เมื่อมี Lead ใหม่เข้ามา ทีม Sales สามารถเห็น "Timeline Activity" ทั้งหมดของ Lead คนนั้นได้ใน HubSpot ทันที

  • "อ๋อ! คุณ A มาจากแคมเปญ Facebook Ads ตัวนี้นี่เอง"
  • "เขาสนใจบทความเรื่อง Automated Workflow เป็นพิเศษ อ่านไปตั้ง 3 บทความแน่ะ"
  • "เขากดเข้าไปดูหน้า Pricing ของเรา 2 รอบแล้วด้วย!"

ผลลัพธ์: ทีม Sales สามารถเปิดการสนทนาได้อย่างตรงจุด ("ผมเห็นว่าคุณสนใจเรื่อง Automation ของเราเป็นพิเศษ...") ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าบริษัทเข้าใจปัญหาของเขาจริงๆ ผลคือ Conversion Rate จาก Lead ไปสู่ مرحله Demo เพิ่มขึ้นถึง 250% และสามารถปิดการขายได้เร็วขึ้น เพราะพวกเขาสามารถโฟกัสไปที่ Quality Lead ที่ "ใช่" จริงๆ ได้นั่นเอง

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพหน้าจอ HubSpot ที่แสดง Timeline Activity ของลูกค้าคนหนึ่ง มีรายการกิจกรรมต่างๆ เช่น "Viewed Page: /blog/x", "Viewed Page: /pricing", "Filled out Form: Demo Request" อย่างชัดเจน

จับมือทำ! วิธีเชื่อมต่อ HubSpot กับ Webflow แบบ Step-by-Step (ใช้ได้ทันที)

พร้อมจะลงมือทำกันหรือยังครับ? มาดูวิธีเชื่อมต่อแบบตรง (Direct Integration) ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดกันแบบละเอียดทีละขั้นตอนได้เลย บอกเลยว่าง่ายกว่าที่คิดครับ!

ขั้นตอนที่ 1: ค้นหาและคัดลอก HubSpot Tracking Code

  1. ล็อกอินเข้าสู่บัญชี HubSpot ของคุณ
  2. คลิกที่ไอคอนรูปฟันเฟือง (Settings) ที่มุมขวาบน
  3. ในเมนูด้านซ้าย ไปที่ Tracking & Analytics > Tracking Code
  4. คุณจะเห็นกล่องโค้ดที่ชื่อว่า "Embed code" ให้ทำการคัดลอก (Copy) โค้ดทั้งหมดในกล่องนั้นเก็บไว้

ขั้นตอนที่ 2: นำ Tracking Code ไปฝังใน Webflow

  1. เปิดโปรเจกต์ Webflow ของคุณ แล้วไปที่ Site Settings (ไม่ใช่ Designer)
  2. เลือกแท็บ Custom Code
  3. ในช่องที่ชื่อว่า Head Code ให้นำโค้ดที่คัดลอกมาจาก HubSpot มาวางลงไป
  4. กด Save Changes และทำการ Publish เว็บไซต์ของคุณอีกครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้งตัวติดตาม!

ขั้นตอนที่ 3: สร้างฟอร์มใน HubSpot

  1. กลับมาที่ HubSpot ไปที่เมนู Marketing > Lead Capture > Forms
  2. สร้างฟอร์มใหม่ (Create form) และเลือกประเภทเป็น Embedded form
  3. ออกแบบฟอร์มของคุณ ลาก-วาง 필드ที่ต้องการ เช่น First Name, Last Name, Email และอาจจะมีช่อง Message
  4. ปรับแต่ง ข้อความบนปุ่ม Call-to-Action ให้น่าสนใจ เช่น "รับเดโมฟรี" หรือ "ดาวน์โหลด E-book"
  5. เมื่อออกแบบเสร็จแล้ว คลิกปุ่ม Update หรือ Publish ที่มุมขวาบน

ขั้นตอนที่ 4: นำ HubSpot Form ไปฝังใน Webflow Designer

  1. ในหน้าแก้ไขฟอร์มของ HubSpot ให้คลิกที่แท็บ Share แล้วคัดลอก "Embed code" ของฟอร์ม
  2. กลับไปที่ Webflow Designer เปิดหน้าที่คุณต้องการจะวางฟอร์ม (เช่น หน้า Contact Us)
  3. จากแผง Add Elements (ปุ่ม +) ให้ลากเครื่องมือที่ชื่อว่า Embed มาวางในตำแหน่งที่ต้องการ
  4. จะมีหน้าต่างโค้ดเปิดขึ้นมา ให้นำโค้ดฟอร์มที่คัดลอกมาจาก HubSpot มาวางลงไป แล้วกด Save & Close
  5. ทำการ Publish เว็บไซต์ของคุณอีกครั้ง แล้วลองเปิดเว็บจริงดู คุณจะเห็นฟอร์มจาก HubSpot ปรากฏขึ้นมา!

เพียงเท่านี้ เว็บไซต์ Webflow ของคุณก็เชื่อมต่อกับ HubSpot อย่างสมบูรณ์แล้ว ทุกข้อมูลที่ถูกกรอกจะวิ่งเข้า CRM พร้อม Tracking Data ทันที ทำให้การทำ Lead Nurturing Automation ของคุณกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย!

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพอินโฟกราฟิก 4 ขั้นตอนที่เข้าใจง่าย พร้อมไอคอนประกอบในแต่ละขั้นตอน (ไอคอน Code, ไอคอน Webflow Settings, ไอคอน HubSpot Forms, ไอคอน Embed Element)

คำถามที่คนมักสงสัย (FAQ) เกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Webflow และ HubSpot

Q1: ต้องใช้ Webflow และ HubSpot แพลนเสียเงินไหม?

A: สำหรับ Webflow ต้องใช้แพลนเสียเงิน (Core Plan ขึ้นไป) เพื่อที่จะสามารถใช้ฟีเจอร์ Custom Code ในการฝัง Tracking Code ได้ครับ ส่วน HubSpot สามารถเริ่มต้นได้ด้วยแพลนฟรี ซึ่งก็มี Tracking Code และ Forms ให้ใช้งานได้แล้ว

Q2: เราสามารถปรับดีไซน์ของ HubSpot Form ให้เข้ากับเว็บของเราได้ไหม?

A: ได้ครับ ในตัวแก้ไขฟอร์มของ HubSpot จะมีแท็บ "Style" ให้คุณสามารถปรับสีสัน ฟอนต์ และหน้าตาของฟอร์มได้ในระดับหนึ่งเพื่อให้เข้ากับแบรนด์ของคุณ แต่ถ้าหากต้องการปรับแต่งขั้นสูงจริงๆ อาจจะต้องใช้ความรู้ด้าน CSS เล็กน้อยเพื่อเขียนโค้ดเข้าไปแก้สไตล์โดยตรง

Q3: ข้อมูลที่เคยอยู่ใน Webflow Forms เดิมจะทำอย่างไร?

A: ข้อมูลเก่าที่เคยอยู่ใน Webflow จะยังคงอยู่ที่เดิมครับ คุณสามารถ Export ออกมาเป็นไฟล์ CSV แล้วนำไป Import เข้าสู่ HubSpot ได้ เพื่อรวมข้อมูลลูกค้าทั้งหมดไว้ในที่เดียว

Q4: การฝังโค้ดพวกนี้จะทำให้เว็บช้าลงไหม?

A: Tracking Code ของ HubSpot ถูกออกแบบมาให้ทำงานแบบ Asynchronously ซึ่งหมายความว่ามันจะถูกโหลดไปพร้อมๆ กับส่วนอื่นๆ ของเว็บโดยไม่ขัดขวางการแสดงผลหลัก ดังนั้นผลกระทบต่อความเร็วเว็บจึงน้อยมากๆ จนแทบไม่รู้สึกครับ

Promptสำหรับภาพประกอบ: ภาพไอคอนเครื่องหมายคำถาม (?) ขนาดใหญ่ พร้อมกับโลโก้ของ Webflow และ HubSpot อยู่ข้างๆ กันอย่างเป็นมิตร

สรุป: เปลี่ยนเว็บสวยให้เป็นเครื่องจักรผลิต Lead ได้แล้ววันนี้!

การเชื่อมต่อ Webflow เข้ากับ HubSpot ไม่ใช่เรื่องทางเทคนิคที่น่ากลัวอีกต่อไป แต่มันคือ "การลงทุนที่จำเป็น" สำหรับทุกธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างจริงจังในโลกดิจิทัล การสละเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อติดตั้ง Tracking Code และเปลี่ยนมาใช้ HubSpot Forms จะเป็นการปลดล็อกศักยภาพทางการตลาดที่คุณอาจไม่เคยได้รับมาก่อน

คุณจะหยุดการทำงานแบบ Manual ที่เสียเวลาและเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด, เริ่มมองเห็น Customer Journey ของลูกค้าแบบ 360 องศา, และสามารถสร้างแคมเปญการตลาดแบบอัตโนมัติที่ตรงใจลูกค้าได้อย่างแท้จริง ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนเว็บไซต์ Webflow ที่สวยงามของคุณให้กลายเป็น "เครื่องจักรผลิต Quality Lead" ที่ทำงานให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง

อย่ารอช้าครับ! ลองนำขั้นตอนที่ผมแนะนำไปลงมือทำได้เลย แล้วคุณจะพบว่าการตลาดแบบ Data-Driven ที่วัดผลได้จริงนั้นทรงพลังแค่ไหน หากคุณต้องการผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยวางระบบ Automation ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน n8n Automation ของเราพร้อมให้คำปรึกษา หรือหากคุณต้องการสร้างเว็บไซต์ที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้น บริการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ด้วย Webflow ของเราก็พร้อมตอบโจทย์คุณเช่นกันครับ!

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพกราฟที่แสดงการเติบโตของจำนวน Lead ที่มีคุณภาพพุ่งสูงขึ้น โดยมีฉากหลังเป็นโลโก้ Webflow และ HubSpot ที่จับมือกันอย่างแนบแน่น

แชร์

Recent Blog

Mental Models สำหรับนักกลยุทธ์เว็บ: คิดอย่างไรให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น

ยกระดับการตัดสินใจของคุณด้วย Mental Models เช่น First-Principles Thinking, Second-Order Thinking, และ Inversion ที่จะช่วยให้คุณมองปัญหาการทำเว็บได้ทะลุปรุโปร่ง

The Long Tail: กลยุทธ์หา Keyword เฉพาะทางที่คู่แข่งมองข้าม

เจาะลึกกลยุทธ์ The Long Tail ในการทำ SEO ด้วยการค้นหาและสร้างคอนเทนต์สำหรับ Keyword ที่มีปริมาณค้นหาน้อยแต่ Conversion Rate สูง ซึ่งมักถูกคู่แข่งมองข้าม

OKR (Objectives and Key Results) สำหรับทีมทำเว็บไซต์และ SEO

ตัวอย่างการตั้ง OKR ที่ดีสำหรับทีมพัฒนาเว็บไซต์และทีม SEO ที่สามารถวัดผลได้จริงและสอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่ของบริษัท