วิธีเชื่อมต่อ HubSpot กับ Webflow เพื่อทำ Marketing Automation เต็มรูปแบบ

เว็บสวย...แต่ลูกค้าหายเกลี้ยง? ปัญหาที่คนทำเว็บ Webflow และทีม Marketing เจอจริง
เคยปวดหัวกับสถานการณ์แบบนี้ไหมครับ? คุณมีเว็บไซต์ที่ออกแบบบน Webflow ได้อย่างสวยงาม ทันสมัย โหลดเร็วปรี๊ด แต่พอนำไปใช้จริงกลับพบว่า...ข้อมูลลูกค้าที่กรอกผ่านฟอร์มบนเว็บมันกระจัดกระจายไปหมด! ทีม Marketing ต้องคอยดึงข้อมูล manualmente ทีละรายชื่อเพื่อเอาไปใส่ใน HubSpot, ทีม Sales ก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของ Lead แต่ละคนว่าเข้ามาจากหน้าไหน สนใจอะไรเป็นพิเศษ สุดท้ายแล้ว Lead ที่ได้มาก็หลุดลอยหายไปในอากาศ ไม่เกิดการติดตามผล (Nurturing) ที่ควรจะเป็น... ถ้าคุณกำลังพยักหน้าอยู่ แสดงว่าคุณมาถูกที่แล้วครับ
Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพที่แสดงให้เห็นถึงความหงุดหงิดของทีมการตลาดที่ต้องทำงานกับข้อมูลที่กระจัดกระจาย ด้านหนึ่งเป็นหน้าจอ Webflow ที่สวยงาม อีกด้านเป็นตาราง Excel ที่ยุ่งเหยิง และมีไอคอน Lead หลุดลอยหายไป
ทำไม Webflow กับ HubSpot ถึงไม่คุยกันเอง? ไขสาเหตุที่ข้อมูลไม่เชื่อมต่อ
หลายคนมักเข้าใจผิดว่าแค่ใช้เครื่องมือที่ดีที่สุด 2 อย่างมารวมกัน (Webflow สำหรับทำเว็บ และ HubSpot สำหรับทำ Marketing) แล้วทุกอย่างจะทำงานร่วมกันได้เองโดยอัตโนมัติ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองแพลตฟอร์มนี้เปรียบเสมือน "เกาะ" คนละเกาะครับ Webflow คือเกาะแห่งการออกแบบที่ยืดหยุ่นและสวยงาม ส่วน HubSpot คือเกาะแห่งข้อมูลลูกค้าและระบบอัตโนมัติที่ทรงพลัง หากไม่มี "สะพาน" ที่ถูกต้องเชื่อมระหว่างสองเกาะนี้ ข้อมูลก็ไม่สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ สาเหตุหลักๆ เกิดจาก:
- ระบบที่แยกจากกันโดยสิ้นเชิง: Webflow จัดการหน้าบ้าน (Website & Forms) ในขณะที่ HubSpot จัดการหลังบ้าน (CRM & Automation) โดยธรรมชาติแล้วมันไม่ได้ถูกสร้างมาให้เชื่อมกันในคลิกเดียว
- ความซับซ้อนทางเทคนิค: หลายคนคิดว่าการเชื่อมต่อระบบเป็นเรื่องยาก ต้องใช้โปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดที่ซับซ้อน เลยเลือกที่จะทำงานแบบ Manual ต่อไปเพราะคิดว่าง่ายกว่า
- ไม่รู้ว่ามีวิธีที่ง่ายกว่า: ข่าวดีก็คือ เราไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเสมอไป! มีเครื่องมือและวิธีการที่ช่วยสร้าง "สะพาน" นี้ได้อย่างง่ายดายกว่าที่คิดเยอะครับ
Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพแผนที่ที่มีเกาะ 2 เกาะ ชื่อว่า "Webflow Island" และ "HubSpot Island" โดยมีช่องว่างขนาดใหญ่คั่นกลางระหว่างกัน สื่อถึงการที่ระบบยังไม่ได้เชื่อมต่อกัน
ปล่อยไว้...เสียหายกว่าที่คิด! ผลกระทบเมื่อข้อมูลการตลาดของคุณเป็น "ไซโล"
การปล่อยให้ข้อมูลลูกค้าจากเว็บ Webflow และระบบ Marketing Automation ของ HubSpot แยกจากกัน ไม่ใช่แค่ทำให้ทีมทำงานเหนื่อยขึ้นนะครับ แต่มันส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจในแบบที่คุณอาจคาดไม่ถึง:
- เสียโอกาสทางธุรกิจ (Lost Leads): Lead ที่กรอกฟอร์มเข้ามาอาจไม่มีใครติดตามผล หรือติดตามช้าเกินไปจนลูกค้าไปหาคู่แข่งแล้ว
- การตลาดที่ไร้ทิศทาง: คุณจะไม่รู้เลยว่า Lead คนนี้สนใจอ่านบทความไหน หรือเข้าดูหน้าสินค้าอะไรบนเว็บก่อนจะติดต่อเข้ามา ทำให้การทำ Lead Nurturing หรือการส่งอีเมลติดตามผลเป็นไปแบบหว่านแห ไม่ตรงจุด
- วัดผล ROI ไม่ได้: คุณทุ่มเงินลงโฆษณาไปเท่าไหร่ แต่ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่า Lead ที่ได้มามีคุณภาพแค่ไหน และแคมเปญไหนที่สร้างผลลัพธ์ได้ดีที่สุด เพราะข้อมูล Customer Journey มันขาดหายไป
- ประสบการณ์ลูกค้าที่ย่ำแย่: ลองคิดดูว่าลูกค้ากรอกฟอร์มขอเดโม แต่กลับได้รับอีเมลแนะนำบทความทั่วไปที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาสนใจ มันคือการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ไม่ดีเลย การสร้างประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่ต้นนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะในขั้นตอน การดูแลลูกค้าใหม่ (Customer Onboarding)
Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพท่อน้ำที่มีรอยรั่วขนาดใหญ่ มีไอคอนรูป Lead และเงินไหลทะลักออกมาจากรอยรั่วนั้น สื่อถึงการสูญเสียโอกาสและงบประมาณ
มีทางออก! 2 วิธีหลักเชื่อมต่อ Webflow เข้ากับ HubSpot (และควรเริ่มจากวิธีไหน)
ถึงเวลาสร้าง "สะพาน" เชื่อมสองเกาะนี้เข้าด้วยกันแล้วครับ! วิธีการเชื่อมต่อ Webflow กับ HubSpot ที่นิยมและได้ผลดีที่สุดมี 2 วิธีหลักๆ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีแตกต่างกันไป:
- วิธีที่ 1: การเชื่อมต่อโดยตรง (Direct Integration) - แนะนำให้เริ่มจากวิธีนี้!
นี่คือวิธีที่ง่ายและทรงพลังที่สุดครับ คือการนำ "Tracking Code" ของ HubSpot ไปฝังไว้ในเว็บไซต์ Webflow ของคุณ และใช้ "HubSpot Forms" แทนฟอร์มเดิมของ Webflow โดยตรง วิธีนี้จะทำให้ HubSpot สามารถติดตามพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชมทุกคนบนเว็บของคุณได้อย่างละเอียด และทุกข้อมูลที่กรอกผ่านฟอร์มจะถูกส่งเข้า HubSpot CRM แบบเรียลไทม์ทันที - วิธีที่ 2: การใช้ตัวกลาง (Middleware Integration)
วิธีนี้คือการใช้ Webflow Forms เหมือนเดิม แต่ใช้บริการตัวกลางอย่าง Zapier หรือ Make (Integromat) เพื่อเป็นคนคอยส่งข้อมูลจาก Webflow ไปยัง HubSpot อีกทีหนึ่ง วิธีนี้เหมาะสำหรับกรณีที่คุณต้องการดีไซน์ฟอร์มที่ซับซ้อนมากๆ ด้วยเครื่องมือของ Webflow แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการตั้งค่าที่หลายขั้นตอนและอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากบริการตัวกลาง
คำแนะนำ: สำหรับ 90% ของธุรกิจ ควรเริ่มต้นด้วย วิธีที่ 1 (การเชื่อมต่อโดยตรง) เพราะมันให้ข้อมูลที่ลึกที่สุด (Full Customer Journey Tracking) ตั้งค่าง่าย และทำให้คุณใช้พลังของ HubSpot ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดครับ
Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพไดอะแกรมเปรียบเทียบ 2 วิธี วิธีแรกเป็นเส้นตรงจาก Webflow ไป HubSpot (Direct Integration) และวิธีที่สองมีโลโก้ Zapier อยู่ตรงกลางระหว่าง Webflow กับ HubSpot (Middleware Integration) โดยมีดาวเด่นอยู่ที่วิธีแรก
ตัวอย่างความสำเร็จ: เมื่อ B2B Tech Company เพิ่ม Quality Lead ได้ 250%
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ผมขอยกตัวอย่างบริษัท Tech แห่งหนึ่งที่ให้บริการซอฟต์แวร์แบบ B2B พวกเขามี Content Hub ที่ยอดเยี่ยมบน Webflow ให้ความรู้ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ แต่ปัญหาคือ "ไม่รู้ว่าใครอ่านอะไรบ้าง" และ Lead ที่ได้มาก็ดูเหมือนๆ กันไปหมด
ก่อนการเชื่อมต่อ: ทีม Sales ได้รับแค่ชื่อ อีเมล และเบอร์โทรจากฟอร์ม "ขอใบเสนอราคา" บนเว็บ Webflow โดยไม่รู้เลยว่า Lead คนนั้นเคยอ่านบทความ "เปรียบเทียบฟีเจอร์" หรือเคยเข้าหน้า "กรณีศึกษา" มาก่อนหรือไม่ ทำให้การพูดคุยเป็นไปอย่างยากลำบาก
หลังการเชื่อมต่อ Webflow กับ HubSpot: พวกเขาได้ฝัง Tracking Code และเปลี่ยนไปใช้ HubSpot Forms ทันทีที่ทำเสร็จ สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น! ตอนนี้เมื่อมี Lead ใหม่เข้ามา ทีม Sales สามารถเห็น "Timeline Activity" ทั้งหมดของ Lead คนนั้นได้ใน HubSpot ทันที
- "อ๋อ! คุณ A มาจากแคมเปญ Facebook Ads ตัวนี้นี่เอง"
- "เขาสนใจบทความเรื่อง Automated Workflow เป็นพิเศษ อ่านไปตั้ง 3 บทความแน่ะ"
- "เขากดเข้าไปดูหน้า Pricing ของเรา 2 รอบแล้วด้วย!"
ผลลัพธ์: ทีม Sales สามารถเปิดการสนทนาได้อย่างตรงจุด ("ผมเห็นว่าคุณสนใจเรื่อง Automation ของเราเป็นพิเศษ...") ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าบริษัทเข้าใจปัญหาของเขาจริงๆ ผลคือ Conversion Rate จาก Lead ไปสู่ مرحله Demo เพิ่มขึ้นถึง 250% และสามารถปิดการขายได้เร็วขึ้น เพราะพวกเขาสามารถโฟกัสไปที่ Quality Lead ที่ "ใช่" จริงๆ ได้นั่นเอง
Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพหน้าจอ HubSpot ที่แสดง Timeline Activity ของลูกค้าคนหนึ่ง มีรายการกิจกรรมต่างๆ เช่น "Viewed Page: /blog/x", "Viewed Page: /pricing", "Filled out Form: Demo Request" อย่างชัดเจน
จับมือทำ! วิธีเชื่อมต่อ HubSpot กับ Webflow แบบ Step-by-Step (ใช้ได้ทันที)
พร้อมจะลงมือทำกันหรือยังครับ? มาดูวิธีเชื่อมต่อแบบตรง (Direct Integration) ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดกันแบบละเอียดทีละขั้นตอนได้เลย บอกเลยว่าง่ายกว่าที่คิดครับ!
ขั้นตอนที่ 1: ค้นหาและคัดลอก HubSpot Tracking Code
- ล็อกอินเข้าสู่บัญชี HubSpot ของคุณ
- คลิกที่ไอคอนรูปฟันเฟือง (Settings) ที่มุมขวาบน
- ในเมนูด้านซ้าย ไปที่ Tracking & Analytics > Tracking Code
- คุณจะเห็นกล่องโค้ดที่ชื่อว่า "Embed code" ให้ทำการคัดลอก (Copy) โค้ดทั้งหมดในกล่องนั้นเก็บไว้
ขั้นตอนที่ 2: นำ Tracking Code ไปฝังใน Webflow
- เปิดโปรเจกต์ Webflow ของคุณ แล้วไปที่ Site Settings (ไม่ใช่ Designer)
- เลือกแท็บ Custom Code
- ในช่องที่ชื่อว่า Head Code ให้นำโค้ดที่คัดลอกมาจาก HubSpot มาวางลงไป
- กด Save Changes และทำการ Publish เว็บไซต์ของคุณอีกครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้งตัวติดตาม!
ขั้นตอนที่ 3: สร้างฟอร์มใน HubSpot
- กลับมาที่ HubSpot ไปที่เมนู Marketing > Lead Capture > Forms
- สร้างฟอร์มใหม่ (Create form) และเลือกประเภทเป็น Embedded form
- ออกแบบฟอร์มของคุณ ลาก-วาง 필드ที่ต้องการ เช่น First Name, Last Name, Email และอาจจะมีช่อง Message
- ปรับแต่ง ข้อความบนปุ่ม Call-to-Action ให้น่าสนใจ เช่น "รับเดโมฟรี" หรือ "ดาวน์โหลด E-book"
- เมื่อออกแบบเสร็จแล้ว คลิกปุ่ม Update หรือ Publish ที่มุมขวาบน
ขั้นตอนที่ 4: นำ HubSpot Form ไปฝังใน Webflow Designer
- ในหน้าแก้ไขฟอร์มของ HubSpot ให้คลิกที่แท็บ Share แล้วคัดลอก "Embed code" ของฟอร์ม
- กลับไปที่ Webflow Designer เปิดหน้าที่คุณต้องการจะวางฟอร์ม (เช่น หน้า Contact Us)
- จากแผง Add Elements (ปุ่ม +) ให้ลากเครื่องมือที่ชื่อว่า Embed มาวางในตำแหน่งที่ต้องการ
- จะมีหน้าต่างโค้ดเปิดขึ้นมา ให้นำโค้ดฟอร์มที่คัดลอกมาจาก HubSpot มาวางลงไป แล้วกด Save & Close
- ทำการ Publish เว็บไซต์ของคุณอีกครั้ง แล้วลองเปิดเว็บจริงดู คุณจะเห็นฟอร์มจาก HubSpot ปรากฏขึ้นมา!
เพียงเท่านี้ เว็บไซต์ Webflow ของคุณก็เชื่อมต่อกับ HubSpot อย่างสมบูรณ์แล้ว ทุกข้อมูลที่ถูกกรอกจะวิ่งเข้า CRM พร้อม Tracking Data ทันที ทำให้การทำ Lead Nurturing Automation ของคุณกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย!
Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพอินโฟกราฟิก 4 ขั้นตอนที่เข้าใจง่าย พร้อมไอคอนประกอบในแต่ละขั้นตอน (ไอคอน Code, ไอคอน Webflow Settings, ไอคอน HubSpot Forms, ไอคอน Embed Element)
คำถามที่คนมักสงสัย (FAQ) เกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Webflow และ HubSpot
Q1: ต้องใช้ Webflow และ HubSpot แพลนเสียเงินไหม?
A: สำหรับ Webflow ต้องใช้แพลนเสียเงิน (Core Plan ขึ้นไป) เพื่อที่จะสามารถใช้ฟีเจอร์ Custom Code ในการฝัง Tracking Code ได้ครับ ส่วน HubSpot สามารถเริ่มต้นได้ด้วยแพลนฟรี ซึ่งก็มี Tracking Code และ Forms ให้ใช้งานได้แล้ว
Q2: เราสามารถปรับดีไซน์ของ HubSpot Form ให้เข้ากับเว็บของเราได้ไหม?
A: ได้ครับ ในตัวแก้ไขฟอร์มของ HubSpot จะมีแท็บ "Style" ให้คุณสามารถปรับสีสัน ฟอนต์ และหน้าตาของฟอร์มได้ในระดับหนึ่งเพื่อให้เข้ากับแบรนด์ของคุณ แต่ถ้าหากต้องการปรับแต่งขั้นสูงจริงๆ อาจจะต้องใช้ความรู้ด้าน CSS เล็กน้อยเพื่อเขียนโค้ดเข้าไปแก้สไตล์โดยตรง
Q3: ข้อมูลที่เคยอยู่ใน Webflow Forms เดิมจะทำอย่างไร?
A: ข้อมูลเก่าที่เคยอยู่ใน Webflow จะยังคงอยู่ที่เดิมครับ คุณสามารถ Export ออกมาเป็นไฟล์ CSV แล้วนำไป Import เข้าสู่ HubSpot ได้ เพื่อรวมข้อมูลลูกค้าทั้งหมดไว้ในที่เดียว
Q4: การฝังโค้ดพวกนี้จะทำให้เว็บช้าลงไหม?
A: Tracking Code ของ HubSpot ถูกออกแบบมาให้ทำงานแบบ Asynchronously ซึ่งหมายความว่ามันจะถูกโหลดไปพร้อมๆ กับส่วนอื่นๆ ของเว็บโดยไม่ขัดขวางการแสดงผลหลัก ดังนั้นผลกระทบต่อความเร็วเว็บจึงน้อยมากๆ จนแทบไม่รู้สึกครับ
Promptสำหรับภาพประกอบ: ภาพไอคอนเครื่องหมายคำถาม (?) ขนาดใหญ่ พร้อมกับโลโก้ของ Webflow และ HubSpot อยู่ข้างๆ กันอย่างเป็นมิตร
สรุป: เปลี่ยนเว็บสวยให้เป็นเครื่องจักรผลิต Lead ได้แล้ววันนี้!
การเชื่อมต่อ Webflow เข้ากับ HubSpot ไม่ใช่เรื่องทางเทคนิคที่น่ากลัวอีกต่อไป แต่มันคือ "การลงทุนที่จำเป็น" สำหรับทุกธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างจริงจังในโลกดิจิทัล การสละเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อติดตั้ง Tracking Code และเปลี่ยนมาใช้ HubSpot Forms จะเป็นการปลดล็อกศักยภาพทางการตลาดที่คุณอาจไม่เคยได้รับมาก่อน
คุณจะหยุดการทำงานแบบ Manual ที่เสียเวลาและเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด, เริ่มมองเห็น Customer Journey ของลูกค้าแบบ 360 องศา, และสามารถสร้างแคมเปญการตลาดแบบอัตโนมัติที่ตรงใจลูกค้าได้อย่างแท้จริง ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนเว็บไซต์ Webflow ที่สวยงามของคุณให้กลายเป็น "เครื่องจักรผลิต Quality Lead" ที่ทำงานให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง
อย่ารอช้าครับ! ลองนำขั้นตอนที่ผมแนะนำไปลงมือทำได้เลย แล้วคุณจะพบว่าการตลาดแบบ Data-Driven ที่วัดผลได้จริงนั้นทรงพลังแค่ไหน หากคุณต้องการผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยวางระบบ Automation ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน n8n Automation ของเราพร้อมให้คำปรึกษา หรือหากคุณต้องการสร้างเว็บไซต์ที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้น บริการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ด้วย Webflow ของเราก็พร้อมตอบโจทย์คุณเช่นกันครับ!
Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพกราฟที่แสดงการเติบโตของจำนวน Lead ที่มีคุณภาพพุ่งสูงขึ้น โดยมีฉากหลังเป็นโลโก้ Webflow และ HubSpot ที่จับมือกันอย่างแนบแน่น
Recent Blog

เจาะลึกเบื้องหลังเคสรีดีไซน์เว็บไซต์ให้ SaaS Startup โดยใช้หลัก CRO และ UX เพื่อเพิ่ม Conversion Rate และจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้งาน

แจกแจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการทำเว็บไซต์แต่ละประเภท ตั้งแต่เว็บ SME, Corporate, E-Commerce ไปจนถึงเว็บ Custom พร้อมปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา

อธิบายหลักการของ Information Architecture (IA) หรือสถาปัตยกรรมข้อมูล ว่าช่วยจัดระเบียบเนื้อหาและเมนูบนเว็บให้ผู้ใช้หาข้อมูลเจอง่ายได้อย่างไร