🔥 แค่ 5 นาที เปลี่ยนมุมมองได้เลย

วิธีเปลี่ยนบทความ Blog ให้กลายเป็นวิดีโอ, Infographic และ Social Media Post

ยาวไป อยากเลือกอ่าน?

เคยทุ่มเทเขียนบทความ Blog เป็นวันๆ...แต่สุดท้ายกลับถูกลืมในสัปดาห์เดียวไหมครับ?

เชื่อว่าคนทำคอนเทนต์ทุกคนต้องเคยรู้สึกแบบนี้ครับ...เราใช้เวลาหลายชั่วโมง หรืออาจจะหลายวันในการค้นคว้าข้อมูล เรียบเรียงความคิด และบรรจงเขียนบทความ Blog ที่คิดว่า "ดีที่สุด" ขึ้นมาหนึ่งชิ้น กดปุ่ม Publish ไปพร้อมกับความหวังว่าบทความนี้จะสร้างประโยชน์ให้ผู้อ่านและสร้างผลลัพธ์ให้ธุรกิจ แต่แล้ว...ผ่านไปแค่สัปดาห์เดียว กราฟผู้เข้าชมก็เริ่มดิ่งลง การมีส่วนร่วมค่อยๆ เงียบหายไป บทความชิ้นเอกของเราค่อยๆ ถูกคลื่นคอนเทนต์ใหม่ๆ ซัดหายไปอยู่หน้าหลังๆ ของเว็บไซต์ ความรู้สึก "เหนื่อยเปล่า" และ "เสียดายของ" ก็เริ่มเข้ามาเกาะกินในใจ "เราทุ่มเทไปทั้งหมด...เพื่อผลลัพธ์แค่นี้เองเหรอ?" ถ้าคุณกำลังพยักหน้าอยู่ล่ะก็ ปัญหานี้มีทางออกครับ และเป็นทางออกที่ทรงพลังกว่าที่คิด

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพกราฟิกแสดงคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่กำลังนั่งมองบทความของตัวเองที่ค่อยๆ จมหายไปในทะเลข้อมูล เปรียบเสมือนสมบัติที่กำลังจะสูญหาย สื่อถึงความรู้สึกเสียดายและเหนื่อยล้า

ทำไม "บทความชั้นเยี่ยม" ถึงมีอายุขัยสั้นกว่าที่คิด?

ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากบทความของคุณไม่ดีพอครับ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของโลกออนไลน์ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้คอนเทนต์ดีๆ ต้อง "ตายไว" มาจากปัจจัยเหล่านี้ครับ

1. ปริมาณข้อมูลมหาศาล (Content Overload): ในแต่ละวันมีบทความใหม่ๆ ถูกเผยแพร่ทั่วโลกนับล้านชิ้น ทำให้การแข่งขันเพื่อให้คอนเทนต์ของเราโดดเด่นและอยู่ในสายตาของผู้ชมเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง

2. พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป: คนยุคนี้มีสมาธิสั้นลงและเลือกเสพคอนเทนต์ในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น บางคนชอบดูวิดีโอสั้นๆ, บางคนชอบดูภาพสวยๆ อย่าง Infographic, และบางคนชอบไถฟีด Social Media ที่สรุปใจความสำคัญมาให้แล้ว การยึดติดกับบทความรูปแบบตัวหนังสือเพียงอย่างเดียวจึงเท่ากับเรากำลังปิดโอกาสในการเข้าถึงคนกลุ่มมหาศาล

3. Algorithm ของแต่ละแพลตฟอร์ม: Facebook, Instagram, TikTok, LinkedIn ต่างก็มี Algorithm ของตัวเองที่คัดเลือกคอนเทนต์มาแสดงผล บทความ Blog ที่อยู่นิ่งๆ ในเว็บไซต์ของเราเพียงอย่างเดียว จึงไม่มีทางต่อสู้กับคอนเทนต์ที่ถูกปรับให้เข้ากับแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้เลย การทำความเข้าใจว่า ทำไมธุรกิจ B2B ถึงต้องมี Content Marketing ที่หลากหลายจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือรูปนาฬิกาทรายที่กำลังจะหมดลงบนบทความบล็อก ส่วนที่สองคือผู้ใช้งานที่กำลังเลื่อนดูวิดีโอสั้นๆ บนมือถืออย่างรวดเร็ว ส่วนที่สามคือไอคอนของ Social Media ต่างๆ ที่มีคอนเทนต์ไหลผ่านอย่างไม่หยุดนิ่ง

ถ้าปล่อยให้ "ขุมทรัพย์คอนเทนต์" จมหายไป จะส่งผลเสียอย่างไร?

การปล่อยให้บทความดีๆ ที่เราเคยทุ่มเทสร้างสรรค์ต้องเงียบหายไปตามกาลเวลา ไม่ใช่แค่เรื่องน่าเสียดาย แต่มันส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจของคุณมากกว่าที่คิดครับ

- สูญเสียต้นทุนและเวลาอย่างน่าเสียดาย: ทุกบทความคือการลงทุนทั้งเวลา, แรง, และอาจรวมถึงเงินทุนในการค้นคว้าหรือจ้างเขียน การใช้งานแค่ครั้งเดียวแล้วปล่อยทิ้งจึงเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

- พลาดโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่: ลูกค้าในอุดมคติของคุณอาจจะไม่ได้ชอบอ่านบทความยาวๆ เขาอาจจะรอชมวิดีโอสรุป หรือรอเสพ Infographic ของคุณบน LinkedIn อยู่ก็เป็นได้ การมีคอนเทนต์แค่รูปแบบเดียวคือการทิ้งลูกค้ากลุ่มนี้ไปโดยปริยาย

- ROI จาก Content Marketing ลดลง: เมื่อคอนเทนต์ไม่ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ในการทำ Content Marketing ของคุณก็จะต่ำลงเรื่อยๆ จนอาจทำให้ผู้บริหารมองว่ากลยุทธ์นี้ไม่ได้ผล

- แบรนด์ดูหยุดนิ่งและไม่น่าสนใจ: การไม่มีคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่หลากหลายไปปรากฏในช่องทางต่างๆ อาจทำให้แบรนด์ของคุณดูไม่แอคทีฟและค่อยๆ ถูกลืมเลือนไปในที่สุด สิ่งนี้ส่งผลโดยตรงต่อ การสร้างแบรนด์ผ่านเว็บไซต์องค์กร ที่ควรจะดูเคลื่อนไหวอยู่เสมอ

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพแสดงแผนภูมิแท่งที่ค่อยๆ ลดลง โดยมีไอคอนของเงิน, เวลา, และลูกค้ากำกับอยู่ เพื่อสื่อถึงการสูญเสียทรัพยากรและโอกาสทางธุรกิจ

ทางออกที่ทรงพลัง: "ชุบชีวิต" บทความด้วย Content Repurposing

แทนที่จะเหนื่อยสร้างคอนเทนต์ใหม่จากศูนย์ตลอดเวลา ทำไมเราไม่ลองนำ "ของดีที่มีอยู่แล้ว" มา "แปลงร่าง" ให้กลายเป็นคอนเทนต์รูปแบบใหม่ๆ ล่ะครับ? เทคนิคนี้เรียกว่า Content Repurposing ซึ่งก็คือการนำคอนเทนต์หลัก (ในที่นี้คือ Blog Post) มาดัดแปลง, ย่อย, หรือต่อยอดให้เป็นคอนเทนต์ในฟอร์แมตอื่นๆ เพื่อเผยแพร่ในช่องทางที่แตกต่างกันออกไป

ควรเริ่มจากตรงไหน?

  • 1. สำรวจขุมทรัพย์ของคุณ: เข้าไปดูใน Google Analytics หรือเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณ แล้วมองหาบทความที่ "ประสบความสำเร็จ" ที่สุด (Evergreen Content) บทความที่มีคนเข้าชมเยอะ, อยู่ในหน้านาน, หรือมีการแชร์สูง คือตัวเลือกแรกที่ดีที่สุด
  • 2. สกัด "แก่น" ของเนื้อหา: อ่านบทความนั้นอีกครั้ง แล้วสรุป "หัวใจสำคัญ" ของมันออกมาเป็นข้อๆ: อะไรคือประเด็นหลัก? มีสถิติอะไรที่น่าสนใจ? มีขั้นตอนอะไรที่นำไปใช้ได้จริง? มีคำคม (Quote) อะไรที่ทรงพลัง?
  • 3. เลือก "ร่างใหม่" ที่เหมาะสมกับ "บ้านหลังใหม่": คิดว่าแก่นของเนื้อหาที่คุณสกัดออกมา เหมาะจะนำไปสร้างเป็นอะไรบนแพลตฟอร์มไหน เช่น
    • สถิติและข้อมูลตัวเลข: เหมาะมากสำหรับทำ Infographic บน LinkedIn หรือ Pinterest
    • ขั้นตอน How-to: เหมาะที่จะทำเป็น Carousel Post แบบสไลด์ต่อกันใน Instagram หรือทำเป็น วิดีโอสั้น (Reels/Shorts/TikTok)
    • ประเด็นที่ลึกซึ้งหรือแนวคิด: เหมาะที่จะทำเป็น วิดีโอยาว หรือ Podcast เพื่ออธิบายขยายความ

แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นกลยุทธ์ที่นักการตลาดระดับโลกใช้กันมาอย่างยาวนาน และได้รับการยอมรับจากสถาบันชั้นนำอย่าง Content Marketing Institute ว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่ยั่งยืนที่สุดในการสร้าง Content Hub ที่แข็งแกร่ง

Prompt สำหรับภาพประกอบ: อินโฟกราฟิกง่ายๆ แสดงขั้นตอน 3 ขั้นตอน: 1. ไอคอนรูปเพชร (บทความที่ดีที่สุด) 2. ไอคอนรูปเครื่องสกัด (การดึงแก่นเนื้อหา) 3. ไอคอนของวิดีโอ, Infographic, Podcast (ผลลัพธ์ที่ได้)

ตัวอย่างจากของจริง: B2B Tech ปั้นผู้นำทางความคิดด้วยบทความเดียว

ลองนึกภาพตามนะครับ...มีบริษัท B2B ด้านเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง ได้เขียนบทความเชิงลึกเรื่อง "5 เหตุผลที่ธุรกิจ B2B ต้องเริ่มทำ Content Hub ในปี 2025" ซึ่งเป็นบทความที่ดีมาก แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนก็เริ่มเงียบ

ภารกิจชุบชีวิตคอนเทนต์: ทีมการตลาดตัดสินใจ "แปลงร่าง" บทความนี้

  • ร่างที่ 1: Infographic "สถิติที่น่าตกใจจาก Content Hub": พวกเขานำข้อมูลสถิติตัวเลขที่น่าสนใจในบทความมาออกแบบเป็น Infographic ที่สวยงามและเข้าใจง่าย แล้วนำไปโพสต์บน LinkedIn ผลลัพธ์คือโพสต์นั้นถูกแชร์โดยผู้บริหารในวงการหลายคน สร้างการรับรู้ (Awareness) และ Traffic กลับมาที่บทความต้นฉบับมหาศาล
  • ร่างที่ 2: วิดีโอสั้น "3 ข้อผิดพลาดในการสร้าง Content Hub": พวกเขาให้ CEO ของบริษัทอัดคลิปสั้นๆ ความยาว 90 วินาที พูดถึง 3 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบทความ) แล้วโพสต์ลงบน YouTube Shorts และ LinkedIn Video ช่วยสร้างภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำทางความคิด (Thought Leader) ให้กับ CEO และบริษัทได้อย่างดีเยี่ยม
  • ร่างที่ 3: Carousel Post "5 ขั้นตอนสร้าง Content Hub แรกของคุณ": พวกเขาย่อยเนื้อหาส่วนที่เป็น How-to ออกมาเป็น 5 สไลด์สำหรับ Instagram และ Facebook ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นทีมงานระดับปฏิบัติการได้มากขึ้น

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น: จากบทความเดียวที่เคยเงียบเหงา พวกเขาสามารถสร้าง Traffic ใหม่, ได้ Lead ที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น, และที่สำคัญคือสร้างแบรนด์ให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ ได้สำเร็จ นี่คือพลังของการมองคอนเทนต์ให้เป็นมากกว่าแค่ "บทความ" แต่เป็น "สินทรัพย์" ที่นำไปต่อยอดได้ไม่รู้จบ เช่นเดียวกับการสร้าง กรณีศึกษา (Case Study) ที่น่าสนใจ ซึ่งก็สามารถนำมา Repurpose ในลักษณะเดียวกันได้

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพ Before & After ด้านซ้ายคือรูปบทความที่เงียบเหงา ด้านขวาคือภาพที่แตกหน่อออกมาเป็น Infographic, วิดีโอ, และ Social Post ที่มีคนกดไลค์และแชร์มากมาย

อยากทำตามต้องทำยังไง? Checklist แปลงร่างบทความเป็นคอนเทนต์ใหม่ (ใช้ได้ทันที)

พร้อมจะลงมือชุบชีวิตบทความของคุณแล้วหรือยัง? ลองทำตาม Checklist นี้ได้เลยครับ

✅ ขั้นตอนที่ 1: เลือก "บทความตัวท็อป" ของคุณ

เปิด Google Analytics ไปที่ส่วนพฤติกรรม (Behavior) > เนื้อหาเว็บไซต์ (Site Content) > ทุกหน้า (All Pages) แล้วมองหาบทความที่มี Pageviews สูงสุดในรอบ 6-12 เดือนที่ผ่านมา นั่นคือ "แคนดิเดต" อันดับหนึ่งของคุณ

✅ ขั้นตอนที่ 2: สกัด "หัวใจ" ของเนื้อหา

เตรียมสมุดโน้ตหรือเปิดไฟล์ใหม่ขึ้นมา แล้วดึงองค์ประกอบเหล่านี้ออกจากบทความ:

  • Key Takeaways: 3-5 ประเด็นหลักที่ผู้อ่านต้องรู้
  • Key Statistics: ตัวเลข สถิติ หรือข้อมูลที่น่าสนใจที่สุด
  • Actionable Steps: ขั้นตอน How-to หรือ Checklist ที่อยู่ในบทความ
  • Powerful Quotes: ประโยคเด็ดๆ หรือคำคมที่น่าจดจำ
  • Key Questions: คำถามที่บทความของคุณช่วยตอบ

✅ ขั้นตอนที่ 3: ลงมือ "แปลงร่าง"

- ร่าง #1: วิดีโอสั้น (Short-form Video)

  • เป้าหมาย: สร้างการรับรู้, สรุปประเด็นเร็วๆ
  • วิธีทำ: นำ Key Takeaways 3 ข้อมาทำเป็นสคริปต์พูดหน้ากล้อง หรือทำเป็นวิดีโอตัวหนังสือวิ่งประกอบภาพโดยใช้แอปฯ อย่าง CapCut, InShot หรือ Canva
  • แพลตฟอร์ม: TikTok, Instagram Reels, YouTube Shorts

- ร่าง #2: อินโฟกราฟิก (Infographic)

  • เป้าหมาย: สรุปข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย, สร้างความน่าเชื่อถือ
  • วิธีทำ: นำ Key Statistics หรือ Actionable Steps มาออกแบบเป็นภาพแนวตั้งยาวๆ โดยใช้เครื่องมือฟรีที่ทรงพลังอย่าง Canva Infographic Maker ที่มีเทมเพลตให้เลือกใช้มากมาย
  • แพลตฟอร์ม: LinkedIn, Pinterest, หรือแปะไว้ในบทความเดิมเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ

- ร่าง #3: คารูเซลโพสต์ (Carousel Post)

  • เป้าหมาย: ให้ความรู้แบบเป็นขั้นเป็นตอน, กระตุ้นการมีส่วนร่วม (ให้คนปัดดู)
  • วิธีทำ: ออกแบบภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส 5-7 ภาพ โดยให้ภาพแรกเป็นหัวข้อที่น่าสนใจ และภาพถัดๆ ไปคือ Key Takeaways หรือ Actionable Steps ทีละข้อ ปิดท้ายด้วย Call-to-Action ให้อ่านบทความเต็ม
  • แพลตฟอร์ม: Instagram, LinkedIn, Facebook

การสร้าง Content Hub สำหรับ B2B ที่แข็งแกร่งนั้นเริ่มต้นจากการรู้จักใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุดนี่เอง

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพ Checklist ที่มีหัวข้อ "เลือกบทความ", "สกัดหัวใจ", "แปลงร่าง" พร้อมไอคอนประกอบในแต่ละข้อ เช่น รูปแว่นขยาย, รูปหลอดไฟ, รูปไอคอนวิดีโอ/กราฟิก

คำถามที่คนมักสงสัย (และคำตอบที่เคลียร์ชัด)

Q1: ทำแบบนี้จะโดน Google มองว่าเป็น Duplicate Content ไหมครับ?

A: ไม่เลยครับ! ตราบใดที่คุณไม่ได้คัดลอกข้อความจากบทความไปแปะแบบคำต่อคำ Google เข้าใจความแตกต่างของ "ฟอร์แมต" ครับ การแปลงบทความเป็นวิดีโอ, Infographic หรือ Podcast คือการสร้าง "คอนเทนต์ชิ้นใหม่" ที่มีคุณค่าในตัวเองโดยใช้ "แนวคิด" เดิม สิ่งสำคัญคือในทุกๆ คอนเทนต์ที่แปลงร่างไป ควรมีการอ้างอิงหรือใส่ลิงก์กลับมายังบทความต้นฉบับเสมอ ซึ่งนี่กลับเป็นผลดีต่อ SEO ด้วยซ้ำไปครับ!

Q2: การทำ Content Repurposing ใช้เวลาเยอะไหม? คุ้มค่ารึเปล่า?

A: คุ้มค่าและเร็วกว่าการสร้างใหม่จากศูนย์มหาศาลครับ ลองคิดดูว่าการเขียนบทความใหม่ 1 ชิ้นอาจใช้เวลา 8-10 ชั่วโมง แต่การนำบทความเดิมมาทำเป็น Carousel Post อาจใช้เวลาแค่ 1-2 ชั่วโมง หรือทำ Infographic อาจใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง คุณสามารถสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ได้ 3-4 ชิ้นโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งของการเขียนบทความใหม่เพียงชิ้นเดียว

Q3: บทความประเภทไหนที่เหมาะจะนำมา Repurpose มากที่สุด?

A: บทความประเภท "Evergreen" หรือเนื้อหาที่ไม่ตกยุคง่ายๆ คือตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ ตัวอย่างเช่น:

  • บทความประเภท "How-To" หรือคู่มือ: สามารถย่อยเป็นขั้นตอนใน Carousel หรือวิดีโอได้ง่าย
  • บทความประเภท "Listicle" (เช่น 10 เทคนิค...): แต่ละข้อคือหนึ่งสไลด์หรือหนึ่งไอเดียสำหรับคลิปสั้น
  • บทความที่อัดแน่นด้วยข้อมูล/งานวิจัย: เหมาะมากสำหรับทำเป็น Infographic
  • Case Studies หรือ Success Stories: นำมาเล่าใหม่ในรูปแบบวิดีโอสัมภาษณ์หรือ Podcast ได้อย่างทรงพลัง

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ไอคอนรูปเครื่องหมายคำถาม (?) ขนาดใหญ่ ตรงกลางมีคำว่า FAQ และมีคำถาม-คำตอบย่อยๆ ล้อมรอบ

ได้เวลาปลุกชีพคอนเทนต์ของคุณแล้ว!

สรุปให้เข้าใจง่ายที่สุดนะครับ...การทำ Content Repurposing ไม่ใช่แค่ "ทางเลือก" แต่คือ "กลยุทธ์ที่จำเป็น" สำหรับคนทำคอนเทนต์ยุคนี้ มันคือวิธีที่ฉลาดที่สุดในการ ประหยัดเวลา, เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น, และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ให้กับทุกตัวอักษรที่คุณเคยเขียนไป

คุณไม่จำเป็นต้องเหนื่อยกับการวิ่งไล่ตามเทรนด์และสร้างของใหม่จากศูนย์ตลอดเวลา ในเมื่อคุณมี "ขุมทรัพย์" ที่มีคุณค่าอยู่ในมืออยู่แล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือการมองมันในมุมใหม่ แล้ว "ปลดปล่อย" ศักยภาพของมันออกมาในร่างที่หลากหลาย เพื่อเดินทางไปหาลูกค้าของคุณในทุกๆ ที่ที่เขาอยู่

อยากให้คุณลองลงมือทำดูครับ... ลองเปิดหน้าบทความของคุณตอนนี้เลย เลือกมา 1 บทความที่คุณภูมิใจที่สุด แล้วลองแปลง "3 ประเด็นหลัก" ในนั้นให้กลายเป็น Carousel Post ง่ายๆ 3 สไลด์ แล้วโพสต์ลง Social Media ของคุณดูสิครับ คุณอาจจะแปลกใจกับผลลัพธ์ที่ได้!

และหากคุณต้องการยกระดับกลยุทธ์คอนเทนต์ไปอีกขั้น ด้วยการมีเว็บไซต์องค์กรที่แข็งแกร่ง เป็นศูนย์กลางของ Content Hub ที่ทรงพลัง และออกแบบมาเพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างแท้จริง ปรึกษาทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเว็บไซต์องค์กรของเราได้เลยครับ เราพร้อมช่วยให้สินทรัพย์ดิจิทัลของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด

Prompt สำหรับภาพประกอบ: ภาพหลอดไฟที่สว่างขึ้นมา โดยในหลอดไฟมีไอคอนของ Blog Post ที่กำลังแตกหน่อออกไปเป็นไอคอนวิดีโอ, กราฟ, และโซเชียลมีเดีย สื่อถึงการเกิดไอเดียและการต่อยอด

แชร์

Recent Blog

Google Search Console: ใช้ข้อมูลอย่างไรให้เป็นประโยชน์สูงสุดกับ SEO

เจาะลึกรายงานต่างๆ ใน Google Search Console ที่นักการตลาดต้องดู เช่น Performance, Coverage, Core Web Vitals และวิธีนำข้อมูลมาปรับปรุงเว็บไซต์

สร้างเว็บสองภาษา (Bilingual) บน Webflow: ตัวเลือกและวิธีที่ดีที่สุด

เปรียบเทียบวิธีสร้างเว็บสองภาษาบน Webflow ระหว่างการใช้ Weglot, การทำหลายโฟลเดอร์, และวิธีอื่นๆ พร้อมข้อดีข้อเสียเพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้อง

Digital PR: สร้าง Backlink คุณภาพสูงจากสื่อใหญ่ได้อย่างไร

กลยุทธ์การทำ Digital PR เพื่อให้แบรนด์ของคุณถูกพูดถึงและได้รับ Backlink จากเว็บไซต์ข่าวหรือสื่อออนไลน์ที่มี Authority สูง ซึ่งส่งผลดีอย่างมหาศาลต่อ SEO